ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 15-07-2024, 23:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,546 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ถึงเวลาแล้วเราต้องสอบถามว่า ผู้ที่บวชเฉลิมพระเกียรตินั้น มีท่านใดจะตั้งใจอยู่จำพรรษาบ้าง แม้ว่าเราจะเข้าพรรษามาตั้งแต่วันที่ ๒๐ แล้วก็ตาม ถ้ามีผู้แสดงเจตจำนงจะอยู่ต่อ เราให้ท่านอธิษฐาน "พรรษาหลัง" ได้

เพราะว่าการอธิษฐานพรรษาหลังนั้น สามารถที่จะอธิษฐานหลังเข้าพรรษาไปแล้วภายใน ๑ เดือน โดยไม่ได้ออกพรรษาในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ แต่ไปออกพรรษาในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๒ ก็คือหลังวันลอยกระทง ๑ วัน สามารถนับอายุพรรษาได้เช่นเดียวกับผู้ที่จำพรรษาแรก แต่ว่าไม่มีสิทธิ์ในการรับอานิสงส์กฐิน ไม่มีสิทธิ์รับอานิสงส์การจำพรรษา เนื่องเพราะว่าอานิสงส์การจำพรรษานั้น ถ้าไม่ได้รับกฐินก็จะสิ้นสุดลงในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ก็แปลว่า เราออกพรรษาหลังตรงกับตอนที่อานิสงส์พรรษาหมดลงพอดี

กระผม/อาตมภาพเองเป็นพระที่ไม่เคยใช้อานิสงส์การจำพรรษา ไม่เคยใช้อานิสงส์กฐินเลย เนื่องเพราะว่าการผ่อนคลายสิกขาบท บางทีก็ทำให้เราประมาทได้ อย่างเช่นว่าถ้าท่านจำพรรษาครบถ้วนไตรมาสแล้วได้อานิสงส์กฐิน ก็จะขยายการผ่อนคลายสิกขาบทหลายข้อไปจนถึงกลางเดือน ๔ ในระยะเวลาหลายเดือนนั้น ถ้าหากว่าเราเคยชินกับการผ่อนคลายสิกขาบท เราก็อาจจะพลาดหลังจากหมดเขตในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ไปแล้ว..!

สิกขาบทที่ได้รับการผ่อนคลายนั้น กระผม/อาตมภาพก็ไม่เห็นว่ามีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปผ่อน อย่างเช่นว่า "การจาริกไปโดยไม่ต้องถือผ้าไตรไปครบสำรับ" ก็คือมีแค่ สบง จีวร ก็สามารถไปได้ โดยไม่ต้องมีสังฆาฏิไปด้วย สมัยก่อนนั้นลำบากมาก ก็คือต้องฝากเพื่อนพระเอาไว้ แล้วคราวนี้ถ้าเพื่อนพระกับตัวเราไปกันคนละทิศคนละทาง กลับมาภายในขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ แต่หาเพื่อนไม่เจอ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ? ก็ต้องอาบัติผ้าขาดครอง ต้องนิสสัคคีย์ปาจิตตีย์ ต้องสละผ้านั้นเสียแล้วไปหาของใหม่..!

"การจาริกไปโดยไม่ต้องบอกลา" จะว่าไปแล้วก็เป็นการดี เพียงแต่ว่ากระผม/อาตมภาพพิจารณาแล้วว่า อันดับแรกเลยเป็นการเสียมารยาท ไปไหนไม่บอกลาผู้ปกครอง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าอาวาสหรือพระอุปัชฌาย์อาจารย์ ไปเป็นตายร้ายดีที่ไหนก็ไม่มีใครรู้ ?

ประการต่อมาก็คือถ้าเป็นครูบาอาจารย์ที่ท่านมีความสามารถ อย่างสมัยก่อนหลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เวลาพระจะออกธุดงค์ก็ไปกราบลาท่าน ท่านจะตามดูแลอยู่ตลอดเวลา ถามว่า "ท่านอยู่กับวัดแล้วไปดูแลได้อย่างไร ?" พระอภิญญาระดับนั้นท่านทำได้อยู่แล้ว ขนาดพระลูกศิษย์เผชิญหน้ากับควายป่ากำลังจะโดนขวิด ท่านกำลังคุยกับโยมอยู่ที่ศาลา บอกโยมว่า "ขอเวลาสักนิด" ท่านหยุดคุยแล้วเอามือตบพื้นกระดานเปรี้ยง..! แล้วก็คุยต่อ บอกกับโยมว่า "ควายป่ากำลังจะขวิดลูกศิษย์ ก็เลยต้องไปขวางไว้หน่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-07-2024 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา