วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพไปถึงวัดสามพระยา วรวิหาร ตั้งแต่ประมาณ ๖ โมงเช้า เพื่อเข้าถวายมุทิตาสักการะ พระเดชพระคุณพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม ป.ธ.๙, Ph.D.) ประธานสงฆ์วัดสามพระยา วรวิหาร ในฐานะบุคคลที่รู้จักคุ้นเคยกันมา ตั้งแต่สมัยที่ยังอยู่วัดท่าซุง
สมัยนั้นท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ชุตินฺธรมหาเถระ ป.ธ. ๙) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา วรวิหาร เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ถือว่าเป็นเสาหลักให้แก่บรรดาพระภิกษุสามเณรและญาติโยมวัดท่าซุง ได้เกาะ ได้พึ่งพา ได้อาศัย จนกระทั่งท่านได้นำเอาพระมหาเอื้อน หรือต่อมาภายหลังก็คือพระศรีปริยัติบดี ถัดมาก็เลื่อนเป็นพระราชปริยัติบดี แล้วก็มาเป็นพระเทพสุธี ไปร่วมงานด้วยในฐานะปัจฉาสมณะ คือพระผู้ติดตาม กระผม/อาตมภาพในฐานะผู้ที่ต้อนรับพระเถระซึ่งได้รับนิมนต์มาในงาน จึงมีความคุ้นเคยกับท่านมาตั้งแต่สมัยนั้น
ครั้นออกจากวัดท่าซุงมาอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อท่านได้เลื่อนขึ้นเป็นพระเทพสุธี ก็ยังมาทำหน้าที่เจ้าคณะภาค ๑๔ ซึ่งดูแลจังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี และสมุทรสาคร จึงทำให้รู้จักมักคุ้นกันมากขึ้น
ถึงขนาดว่าเวลาทางวัดสามพระยา วรวิหารมีงานสำคัญ อย่างเช่นว่าการอบรมเจ้าอาวาสก็ดี การอบรมพระอุปัชฌาย์ก็ตาม เมื่อคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ซึ่งนำโดยหลวงพ่อพระครูผาสุกิจโกวิท อดีตเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ อดีตเจ้าอาวาสวัดหินแหลม นำพวกเราไปช่วยงาน เมื่อท่านเห็นก็เรียกเลยว่า "เฮ้ยเล็ก..มาทางนี้ มีเรื่องจะคุยด้วย" ทำเอาหลวงพ่ออดีตเจ้าคณะอำเภอก็ยังตีหน้างง ๆ ว่า กระผม/อาตมภาพไปรู้จักคุ้นเคยกับเจ้าคณะภาคมาตั้งแต่สมัยไหน ?
จนกระทั่งท่านเลื่อนขึ้นมาเป็นพระธรรมคุณาภรณ์ ก็ยังได้ดุกระผม/อาตมภาพว่า "แกต้องรู้จักเข้าหาพระผู้ใหญ่บ้าง แกจะรอให้พระผู้ใหญ่คิดถึงแกอย่างเดียวไม่ได้ ส่วนใหญ่พระผู้ใหญ่นั้นงานเยอะ แกมาทีไรก็มีแต่เรื่องงานเท่านั้น" แล้วท่านก็ถอนหายใจตอบเองว่า "เออ..ดีแล้ว ถ้าแกไม่มา ข้าก็รู้ว่าแกทำงาน แต่ไอ้พวกที่มาเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นจนข้ารำคาญนี่ มันไม่คิดจะทำงานอย่างแกบ้างหรือไรวะ ?" ซึ่งเรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า เป็นเรื่องที่กระผม/อาตมภาพเอง น้อยครั้งที่จะเล่าให้ผู้หนึ่งผู้ใดฟัง
จนกระทั่งท่านขึ้นมาเป็นพระพรหมดิลก กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค ๑ แล้วก็ลาออกมาเป็นเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร จนกระทั่งต้องคดี กลายเป็นนักโทษอยู่ในเรือนจำกลาง กระผม/อาตมภาพก็ยังไปเยี่ยมเยียนท่าน แล้วก็ได้เห็นความเป็นนักปราชญ์ ความเป็นนักปฏิบัติที่แท้จริงของท่าน เพราะว่าเมื่อไปเยี่ยม แทนที่กระผม/อาตมภาพจะเป็นห่วงท่าน ท่านกลับเป็นห่วงกระผม/อาตมภาพเสียเอง ท่านบอกว่า "ข้าอยู่ในนี้ ข้าถือว่ารอดแล้ว แกอยู่ข้างนอกต่างหาก ให้ระวังเอาไว้ให้ดี ไม่รู้ว่าจะโดนเมื่อไร..!?"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-07-2024 เมื่อ 01:13
|