พระติสสะเมื่อร่างกายสบาย จิตใจโปร่งเบา มองเห็นทุกข์เห็นโทษของร่างกายที่มีแต่ความเจ็บไข้ได้ป่วย จิตก็ไม่ยึดเกาะในร่างกายนี้อีก มองเห็นร่างกายมีค่าเป็นแค่ขอนไม้ที่ต้องทิ้งกองอยู่กับแผ่นดิน เมื่อสภาพจิตไม่ยึดเกาะร่างกายอีกแล้ว ก็บรรลุอรหัตผล กลายเป็นอริยบุคคลสูงสุดในพระพุทธศาสนา แล้วก็มรณภาพเลย 
 
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า "ภิกขเว..ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอทั้งหลายเป็นผู้ปราศจากเรือนแล้ว ปราศจากญาติพี่น้อง ถ้าเธอทั้งหลายไม่ดูแลกันเองแล้วผู้ใดจะดูแล ? บุคคลใดปรารถนาจักอุปัฏฐากตถาคต ก็จงอุปัฏฐากดูแลภิกษุไข้เถิด การอุปัฏฐากดูแลภิกษุไข้นั้น มีอานิสงส์เช่นเดียวกับการอุปัฏฐากตถาคต" 
 
ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าอานิสงส์นี้ยิ่งใหญ่มาก ผู้เข้ารับการอบรมทั้งหมด ถือว่าเป็นผู้ที่ประกอบด้วยบุญญาธิการอันใหญ่ยิ่ง ที่จะได้ทำหน้าที่สำคัญในการผ่อนทุกข์บำรุงสุขให้กับเพื่อนพระภิกษุของเรา ซึ่งเจ็บไข้ได้ป่วย ปราศจากคนดูแล แล้วท่านทั้งหลายยังจะต้องกลายเป็นต้นแบบ เนื่องเพราะว่ายังจะมีการอบรมเพิ่มเติมขึ้นอีก ท่านต้องถวายคำแนะนำให้กับรุ่นต่อ ๆ ไป 
 
แล้วทางฝ่ายสาธารณสงเคราะห์คณะสงฆ์ไทย ซึ่งนำโดยพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ปสฤทธ์ เขมงฺกโร) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามนั้น ท่านยังมีการกำหนดแผนการต่าง ๆ โดยที่จะเพิ่มเป็นอโรคยาศาลา หรือถ้าเป็นสมัยนี้ก็คือ สุขศาลาในการรักษาโรค เพิ่มเป็นสถานชีวาภิบาล สำหรับดูแลภิกษุป่วย หรือว่าเพิ่มเป็นศูนย์สุขภาพพระสงฆ์อย่างที่ท่านอาจารย์พระมหาวิสูตร วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙ รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ท่านได้ทำเอาไว้ 
 
แล้วยังจะต้องมีการปรับปรุง พัฒนา ตลอดจนกระทั่งต่อยอดไปเพื่อบูรณาการ ก็แปลว่าท่านทั้งหลายนอกจากที่จะเป็นผู้ดูแลภิกษุไข้แล้ว ยังต้องประสานกับทางราชการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาลประจำอำเภอ หรือว่าคณะอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เพื่อที่จะบูรณาการงานต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-07-2024 เมื่อ 01:51
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |