ในเมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงไป สิ่งหนึ่งประการใดที่ไม่กระทบกระเทือนต่อแก่นของพระพุทธศาสนาจนก่อให้เกิดความเสียหาย ถ้าเราสามารถยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับบริบทสังคมได้ก็ให้ทำไป แต่ไม่ใช่ปรับเสียจนกระทั่งหลักธรรมสูญหาย แล้วไปคิดว่าใช่
อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยสนทนากับนักบวชญี่ปุ่น ถามว่า "ทำไมในนิกายชินโต พระญี่ปุ่นถึงมีครอบครัวได้ ?" เขาบอกว่าเกิดจากบริบทของสังคมยุคนั้น ที่บรรดา "ไดเมียว" ต่าง ๆ รบราฆ่าฟันกันอยู่ตลอดเวลาเพื่อชิงอำนาจ พระไม่สามารถที่จะเดินทางเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ เพราะว่าต่อให้ฝ่ายนี้ไม่ทำอะไร ไปถึงอีกฝ่ายเขาก็คิดว่าเป็นสายลับ ก็โดนจับกุมคุมขังบ้าง โดนเข่นฆ่าไปบ้าง จนกระทั่งไม่สามารถที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาได้
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เกรงว่าพระธรรมคำสอนจะสูญหายไป จึงใช้วิธีมีครอบครัว อย่างน้อยก็สอนลูกสอนเมียของตัวเองได้ ถ้าหากว่าพ่อตัวแม่ตัว พ่อตาแม่ยายฟังด้วยก็สอนเพิ่มได้อีก แต่คราวนี้เมื่อพ้นจากยุคที่เขารบราฆ่าฟันกันแล้ว ไม่มีการปรับเปลี่ยนคืนมาเหมือนเดิม จึงทำให้สูญเสียแก่นของพระพุทธศาสนาไป
พระพุทธศาสนาของเราไม่มีใครทำลายได้นอกจากพุทธบริษัททั้ง ๔ ดังนั้น..บรรดาผู้ที่สอนเพี้ยนไปจากพระไตรปิฎกในปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะบรรดานักบวช ยิ่งประเภทตั้งชื่อให้โก้หรูดูดี ก็ต้องยิ่งระแวงเอาไว้ก่อนว่าน่าจะดีแค่เปลือก ถ้าขนาดนามสกุลยังไปเปลี่ยนว่า "ณ สัพพัญญู" กระผม/อาตมภาพก็หมดอารมณ์ที่จะเล่นด้วยแล้ว..!
แต่ว่าญาติโยมทั้งหลายก็มักจะเป็นบุคคลที่ "ถือมงคลตื่นข่าว" ขาดความมั่นคงในหลัก ศีล สมาธิ ปัญญา ของตน มักจะเป็นบุคคลที่ "มักง่าย" ก็คืออะไรที่คิดว่าง่ายก็วิ่งไปหาสิ่งนั้น ไม่ยอมลำบากพากเพียรด้วยตนเอง จึงทำให้เกิดลัทธิประหลาด ๆ ต่าง ๆ ขึ้นมามากมาย
แม้กระทั่งบุคคลที่ออกอาการเหมือนกับร่างทรงหรือผู้ป่วยจิตเภท ก็ยังอุตส่าห์มีที่ยืนในสังคมอย่างสง่างาม ทำให้บุคคลจำนวนหนึ่งต้องไขว้เขวไป แต่ก็โทษใครไม่ได้ เพราะว่าเขาเหล่านั้นทำตัวเอง นอกจากไม่มีความเพียรพยายามทำด้วยตนเองแล้ว ยังมักง่ายคิดว่ามีทางลัดอีกด้วย
ถ้าในเรื่องของการปฏิบัติธรรม กระผม/อาตมภาพยืนยันว่ามรรค ๘ เป็นทางตรงที่สุดแล้ว ไม่มีทางใดลัดไปมากกว่านี้ ปัจจุบันมีครูบาท่านโน้นท่านนี้บอกวิธีปฏิบัติธรรมแล้วบรรลุเร็ว กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่า "ถ้ามีพระพุทธเจ้าสอนเราไปนานแล้ว" แต่ว่าถ้าคิดว่าตนเองมีเวลาว่างมากพอ จะลองไปปฏิบัติดูก็ได้ เผื่อว่าถ้าไม่ดีจริง จะได้ด่าได้เต็มปากเต็มคำเสียหน่อย..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวกับทุกคนแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2024 เมื่อ 03:16
|