ถ้าใครฝึกมโนมยิทธิมา การดูหมอเป็นการซักซ้อมทิพจักขุญาณที่ดีที่สุด แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านเตือนแล้วว่า "อย่าให้ซักถามต่อหน้า" ให้เขาเขียนคำถามมา จำกัดไว้ว่า ๓ คำถาม หรือ ๕ คำถาม แล้วให้คนส่งมา ตัวเราเองอาจจะมีห้องพระซึ่งเป็นที่สงบแยกอยู่ต่างหาก อ่านคำถามแล้วเกิดความรู้สึกอย่างชัดเจนว่า ควรตอบอย่างไรก็ให้ตอบไปอย่างนั้น
เนื่องเพราะว่าถ้าหากว่าซักถามต่อหน้า อย่างที่บุคคลสอบถามกระผม/อาตมภาพ แล้วท่านไม่มีความมั่นคงในสมาธิ ถึงเวลา รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นก็จะ "เฝือ" โอกาสผิดพลาดจะมีสูงมาก ต้องซักซ้อมจนเรามั่นใจว่าทนแรงเสียดทานได้ แล้วค่อยไปลุยกันต่อหน้า
แต่กระผม/อาตมภาพก็ไม่แนะนำอยู่ดี เนื่องเพราะว่าถ้ากำลังใจของเรายังไม่สามารถละ รัก โลภ โกรธ หลง หรือว่าลดลงไปได้ โดนซักมาก ๆ ความไม่พอใจเกิดขึ้น ในเมื่อกิเลสเกิด ความแม่นยำของทิพจักขุญาณก็ลดลง
เพียงแต่ว่าในส่วนของการดูหมอตามตำรา ต้องอาศัยการดูมาก ๆ จนกระทั่งเกิดความชำนาญขึ้น เห็นลายมือหรือว่าเห็นวันเดือนปีเกิดเท่านั้น ก็มองทะลุเลยว่าจะเป็นอย่างไร แต่กว่าจะถึงระดับนั้นก็คงจะต้องดูกันเป็นร้อย ๆ รายขึ้นไป แล้วในระหว่างที่ชื่อเสียงลาภยศไหลมาเทมา เพราะเขาลือว่าเราดูแม่น ทำอย่างไรที่เราจะรักษากำลังใจไม่ให้หวั่นไหวไปกับโลกธรรมได้ เป็นการบ้านที่ฝากเอาไว้สำหรับท่านที่คิดจะเดินทางนี้
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-07-2024 เมื่อ 00:53
|