ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 09-07-2024, 23:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,546 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เปลือกนอกเหมือนกับไม่มีอะไร แต่ว่าภายในวงการคณะสงฆ์ของเรา มีเรื่องที่ไม่ดีไม่งามเกิดขึ้นเป็นระยะไป ซึ่งจะว่าไปแล้ว เรื่องทั้งหลายเหล่านี้มีอยู่ในทุกยุคทุกสมัย เพียงแต่ว่าสมัยนี้สื่อโซเชียลทำให้ทุกอย่างไปเร็วมาก จนกระทั่งเหมือนกับว่ามีเรื่องเกิดขึ้นมาก จนเหมือนกับว่าทางคณะสงฆ์หาดีอะไรไม่ได้เลย..!

จะว่าไปแล้วก็เป็นความไม่เข้มงวดของพระอุปัชฌาย์อาจารย์ ตลอดจนกระทั่งเจ้าอาวาส และเจ้าคณะปกครอง บางที่ก็ปล่อยปละละเลย จนทำให้มีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น อย่างที่มีพระภิกษุรูปหนึ่งไปนั่งขายของแบกับดิน เรื่องพวกนี้ไม่ควรที่จะมีขึ้น แต่ก็มีจนได้

ต้องบอกว่าความโลภบังหน้าเสียจนไม่ได้ดูสมณสารูป ขาดสมณสัญญาว่าตนเองเป็นเพศบรรพชิตแล้ว ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายที่ศึกษานักธรรมชั้นโทแล้วก็จะเห็นว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าห้ามเอาไว้มีทั้งอนาจาร คือการประพฤติปฏิบัติที่ไม่สมควร ปาปสมาจาร ความประพฤติที่ก่อให้เกิดโทษ และอเนสนา คือการเลี้ยงชีพในทางที่ไม่ชอบ

เนื่องเพราะว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติไว้ ให้ภิกษุของเราเลี้ยงชีพด้วยการบิณฑบาตเท่านั้น เพื่อป้องกันการสะสม แต่ท่านทั้งหลายก็จะเห็นว่า แม้แต่ในสมัยพุทธกาล บรรดา "ทุมมังกุ" ถ้าหากว่าแปลตามบาลีคือ "ผู้เก้อยาก" ก็คือพวกที่หน้าด้านใจด้าน ไม่เห็นแก่พระธรรมวินัย ก็ยังคงทำมาหากินกันเป็นปกติ ก็คือสะสมข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ โดยเฉพาะผ้าไตรจีวร

หลายท่านอย่างพวก "ฉัพพัคคีย์" ก็บวชมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ถึงขนาดวางแผนกันไว้ว่า เมืองนี้มีกี่ครัวเรือน สามารถที่จะอุดหนุนให้กับพระภิกษุในพระพุทธศาสนาได้ ควรที่จะย้ายไปอยู่ที่นั่น ต้องบอกว่ามีการวางแผนที่เป็นขั้นเป็นตอนได้ดีมาก..!

สมัยนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจัดการทุกอย่างตามพระธรรมวินัยได้ด้วยสองสาเหตุ สาเหตุแรกคือความเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่รู้แจ้งเห็นจริงในทุกเรื่อง ไม่มีใครสามารถปิดบังพระองค์ท่านได้

สาเหตุที่สองก็คือคนในสมัยนั้นมีความเป็นลูกผู้ชาย ผิดก็ยอมรับว่าผิด ทำก็ยอมรับว่าทำ เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถามว่า "ดูก่อน..โมฆบุรุษ เธอได้กระทำอย่างนั้นหรือ ?" ผู้ที่ทำก็จะยอมรับว่า "ทำดังนั้นพระเจ้าข้า" ต่างกับสมัยนี้ที่จัดการได้ยากเย็นมาก เนื่องเพราะว่าเมื่อถึงเวลาทำแล้วก็ไม่ยอมรับว่าผิด ถ้าจนด้วยพยานหลักฐานก็ยังต้องรอศาลตัดสิน

ศาลชั้นต้นตัดสินก็ยังอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ตัดสินก็ยังฎีกา กระทั่งศาลฎีกาตัดสินแล้ว ก็อาจจะมีการฟ้องศาลปกครองต่อไป ทั้ง ๆ ที่เรื่องของการผิดศีลของพระนั้น ผิดตั้งแต่ที่ทำ โทษเกิดตั้งแต่ที่ทำแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-07-2024 เมื่อ 02:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา