ในเมื่อสภาพจิตของท่านยอมรับกฎของกรรม ก็คืออยากจะป่วยก็เชิญป่วยไปเถิด เพราะว่าเราเคยสร้างกรรมตรงส่วนนี้เอาไว้ เมื่อท่านอยากจะป่วยก็ป่วยไป เราก็รักษาไปตามอาการ ถ้าหากว่าหายก็หาย ถ้าไม่หายจะตายก็ช่างเถิด..!
ในเมื่ออยู่ในลักษณะอย่างนี้ บรรดาครูบาอาจารย์ที่เจ็บไข้ได้ป่วยส่วนหนึ่ง ถ้าหากว่าเกรงใจลูกศิษย์ ก็ไปหาหมอหายารักษากันตามสภาพ ถ้าหากว่าท่านใดไม่เกรงใจลูกศิษย์ ก็ปล่อยให้อาการเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นไปตามแรงกรรมที่ท่านได้ทำมา โดยถือว่าชดใช้ให้กับเขาไป
กระผม/อาตมภาพเจอครูบาอาจารย์หลายรายที่สั่งเอาไว้ว่า ถ้าต้องเข้าโรงพยาบาลแล้วต้องเจาะคอ ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ต้องมีสายเลือดสายน้ำเกลือพะรุงพะรัง ก็อย่าได้นำท่านไปเลย ท่านอยากที่จะตายแบบงดงามตามประสาของพระปฏิบัติมากกว่า ก็คือเผชิญกับมรณภัยโดยไม่มีความหวั่นไหวอย่างแท้จริง ถ้าเป็นไปในลักษณะนั้น ลูกศิษย์ทั้งหลายก็ต้องทำใจว่าเป็นความต้องการของครูบาอาจารย์ ไม่ใช่ว่าท่านทั้งหลายขาดความกตัญญู ไม่ดูแลอะไรเลย
หากแต่ว่าครูบาอาจารย์นั้นท่านแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สังขารนี้เป็นรังของโรค ต้องมีอาการเจ็บป่วย และท้ายที่สุดก็เสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา เป็นการแสดงธรรมด้วยชีวิตของท่านเองเป็นรอบสุดท้าย หรืออาจจะรอบใกล้สุดท้ายให้ทุกคนได้รู้ได้เห็นอย่างชัดเจน ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละท่านว่าสามารถที่จะเก็บเอาไปใช้งานได้มากน้อยเท่าไร
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2024 เมื่อ 02:45
|