แม้ว่าวิทยานิพนธ์จะไม่ได้ A เพราะว่าเหมือนอย่างกับโดนกดเอาไว้ แต่แบบนั้นกระผม/อาตมภาพกลับชอบใจมาก เพราะว่าถ้าเป็นระดับ A เมื่อไร เราต้องเดินสายไปบรรยายให้วิทยาเขต วิทยาลัยสงฆ์ต่าง ๆ ว่า "คุณทำอย่างไรถึงได้แบบนี้ ?" ทั้งรุ่น ๒๒ คนมีได้ A อยู่เล่มเดียว ก็คือหลวงพ่อแดง (พระครูสุนทรวัชรกิจ ,ดร.) วัดถ้ำรงค์ จังหวัดเพชรบุรี ท่านเป็นด็อกเตอร์ทางกฎหมายมาก่อน แล้วมาเรียนด็อกเตอร์ทางการจัดการร่วมกับพวกผมอีกทีหนึ่ง
ศักดิ์ศรีปริญญาเอกเดิมค้ำคออยู่ หรือไม่ก็ท่านรู้ลู่ทางมากกว่า จึงทำให้วิทยานิพนธ์ของท่านได้ A อยู่รูปเดียว
แต่วิทยานิพนธ์ B+ ของกระผม/อาตมภาพ กลายเป็นตัวอย่างให้กับนิสิตมาจนทุกวันนี้ พอถึงปีก็จะมีการขอร้องให้ช่วยพิมพ์เพิ่ม ส่งเข้าห้องสมุดของมหาวิทยาลัยทุกครั้ง เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพทำทั้งแบบคุณภาพ แล้วก็ทำแบบปริมาณเพื่อยืนยันผลของคุณภาพ มีการสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วม เดินทางสะสมไมล์จนบอกไม่ถูกว่ากี่แสนไมล์ และท้ายที่สุดก็คือประชุมผู้เชี่ยวชาญรับรองผล ที่เรียกว่าโฟกัสกรุ๊ป
บรรดารุ่นน้องที่ได้ไป ถ้าเขาไม่จบเขาก็ไม่คายคืนมาให้ พูดง่าย ๆ ว่ายืมจนแทบจะขอลืม ครูบาอาจารย์อยากให้รุ่นหลังดูตัวอย่างก็ต้องขอเพิ่ม ขนาด ท่านอาจารย์ รศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม ท่านออกปากว่า "อัศจรรย์มากครับ เรียนจบไปเป็น ๑๐ ปีแล้ว ยังต้องพิมพ์วิทยานิพนธ์เพิ่มอยู่ทุกบ่อย"
แล้วที่บรรดาท่านอาจารย์ท่านใช้เวลาสอบแค่ ๒๒ นาที เพราะว่าท่านไม่มีข้อสงสัย ท่านอาจารย์ ดร.สุรชัย จากสภาผู้แทนราษฎร ถาม ๔ คำถามแล้วปิดเล่มเลย แจ้งประธานคณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์ว่า "ผมให้ผ่านโดยไม่มีข้อแม้" ประธานถามเหตุผล ท่านบอกว่า "ผมถาม ๔ คำถาม สิ่งที่ผมถามอยู่ในวิทยานิพนธ์หนา ๔๐๐ กว่าหน้า แต่ผู้สอบสามารถบอกผมได้ว่าข้อมูลอยู่ตรงหน้าไหน ผมยอมเลยครับ..!"
เมื่อไปถามท่านอาจารย์ รศ.ดร.สุรพลที่ถือว่าเป็นอาจารย์ที่ "เขี้ยว" ที่สุด ว่าท่านอาจารย์สุรพลมีคำถามอะไรบ้าง ท่านอาจารย์สุรพลบอกว่า "ไม่มีครับ ผมถามมาทุกอาทิตย์แล้ว..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-07-2024 เมื่อ 03:52
|