เรื่องนี้ต้องบอกว่า "ธรรมะจัดสรร" แต่ว่าทำให้ไม่สามารถที่จะนิมนต์พระเถรานุเถระมาตามที่ต้องการได้ เพราะว่าไม่มีโอกาสอยู่รับรองท่านเลย ก็คงต้องใช้วิธีเดียวกับปีที่แล้ว ก็คือใช้พระวัดเราเจริญพระพุทธมนต์ในลักษณะ "ชงเอง..กินเอง"
แต่ก็ดีตรงที่ว่าไม่สิ้นเปลืองมาก เนื่องเพราะว่าการนิมนต์พระเถระจากที่อื่น กระผม/อาตมภาพจะคำนวณตามระยะการเดินทางของท่าน แล้วก็ถวายปัจจัยให้มากกว่า เพราะว่าหลายท่านก็มาไกลมาก อย่างเช่นว่ามาจากเชียงราย หรือว่ามาจากสกลนคร เหล่านี้เป็นต้น ก็แปลว่าปีนี้งานวันแม่ และงานวัดบูรพาจารย์ของวัดท่าขนุนก็ต้องใช้พระของเรากันเอง
ส่วนวันนี้ก็มีงานประชุมต่อเนื่อง ก็คือการประชุมคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ และการประชุมคณะกรรมการกองทุนเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้ปรารภกับหลายท่านไปแล้วว่า ไม่ได้คิดว่าจะได้รับภาระส่วนนี้ขึ้นมา เนื่องเพราะว่าได้ถวายปัจจัย เพื่อช่วยงานของท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙, Ph.D.) ราชบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ
พูดง่าย ๆ ว่าอยากแบ่งเบาภาระของครูบาอาจารย์บ้าง เนื่องจากว่าท่านเมตตาสอนมาตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตร ปริญญาตรี ปริญญาโท ยันปริญญาเอก แต่ปรากฏว่าเจ้าคุณอาจารย์ท่านทำงานแบบโปร่งใสมาก ก็คือไม่ยอมให้มีข้อตำหนิเลย ท่านจึงเอาเงินก้อนนั้นไปตั้งเป็นกองทุนเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ แล้วมีคณะกรรมการกองทุนในการอนุมัติใช้งบประมาณทุกครั้ง จึงกลายเป็นเวรเป็นกรรมว่า เจ้าของเงินต้องเป็นกรรมการไปด้วย..!
วันนี้ในส่วนของการอนุมัติงบประมาณสำคัญนั้นก็คือ การจัดปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานของทั้ง ๑๘ ภาคในสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ซึ่งทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะมีงบประมาณให้ปีละ ๔๕๐,๐๐๐ บาท ก็แปลว่า "ไม่พอยาขี้ฟัน" กระผม/อาตมภาพจึงได้ให้เอาเงินจากกองทุนนี้เสริมเข้าไปอีก ๔๕๐,๐๐๐ บาท รวมแล้วทั้ง ๑๘ ภาค ได้รับไปเป็นต้นทุนภาคละ ๕๐,๐๐๐ บาทเท่านั้น
แล้วท่านทั้งหลายลองคิดดูว่า การจัดปฏิบัติธรรม ๑๐ วันบ้าง ๑๕ วันบ้าง แล้วมีต้นทุนแค่ ๕๐,๐๐๐ บาท อย่างไรเสียก็อยู่ไม่รอด แต่ละภาคจึงต้องมีวัด หรือว่าพระสังฆาธิการ ที่มีกำลังใจเสียสละช่วยเหลือกันตรงนี้ แล้วก็ยังได้ญาติโยมทั้งหลายที่ร่วมบุญเพิ่มเติมเข้ามาอีก จึงพอที่จะอยู่กันได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2024 เมื่อ 07:56
|