ผู้รู้อย่างกระผม/อาตมภาพไม่สามารถที่จะปลีกตัวไปอธิบายได้ จึงขออธิบายในที่นี้เลยว่า คำว่า "บ้านผีหลอก" หรือ "บ้านปิล็อก" นั้น เนื่องจากว่ามีกะเหรี่ยงครอบครัวหนึ่ง ในเวลาค่ำเมียโดนงูกัด ผู้เป็นผัวจึงวิ่งฝ่าป่าฝ่าดงเพื่อออกไปยังถนน เพื่อหารถที่จะนำเมียไปโรงพยาบาล เนื่องเพราะว่าบ้านปิล็อกนั้น อยู่บนเขาห่างจากทองผาภูมิถึง ๗๐ กิโลเมตร..!
แต่ว่าเคราะห์ร้ายเหลือเกิน ผู้เป็นผัวชาวกะเหรี่ยงไปโดนเสือกัดตาย แต่ด้วยความที่จิตมุ่งมั่นว่าจะต้องหารถเพื่อรับเมียไปโรงพยาบาล ดังนั้น..เมื่อเห็นรถผ่านมา ก็มักจะออกมาโบกมือขอความช่วยเหลือ เมื่อโดนเข้าหลาย ๆ คนเขาเลยเรียกตรงนั้นว่า "บ้านผีหลอก"..!
แต่ด้วยความที่มีชาวมอญ - พม่ามาอยู่แถวนั้นมาก ออกเสียงคำว่า "บ้านผีหลอก" ไม่ถนัดตามแบบไทย จึงเรียกกลายเป็น "บ้านปิล็อก" มาจนทุกวันนี้ เรื่องของชื่อบ้านนามเมืองหรือว่าประวัติศาสตร์ชุมชนเหล่านี้ ถ้าหากว่าไม่กล่าวหรือว่าเล่าขานเอาไว้ นานไปผู้คนก็มักจะลืมเสียหมด
แล้วโฆษกก็ส่งลูกให้กับพิธีกรบนเวที ซึ่งพิธีกรทั้งสองคนก็ใช้วิธีตะเบ็งเสียงใส่ไมค์ฯ กระผม/อาตมภาพก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงนิยมในลักษณะแบบนั้น ? โดยเฉพาะมีการเปิดเสียงในลักษณะของการเปิดตัว หรือว่าเน้นในสิ่งสำคัญ เป็นการใช้ลำโพงซับวูฟเฟอร์เปิดซาวด์แทร็ก กระแทกตึง ๆ ๆ ออกมาด้วยเสียงเบส กระผม/อาตมภาพรู้สึกสะเทือนไปทั้งอก หูแทบจะพัง..!
สิ่งที่พูดหรือว่าลำโพงที่เปิดเสียงนั้น สามารถที่จะลดเสียงลงไปถึง ๔ ใน ๕ ส่วนได้เลย เสียงก็จะพอดิบพอดี ไม่เป็นที่ทรมานหูและน่าสนใจมากกว่านั้น แต่ว่าในเมื่อเขานิยมกันแบบนั้น กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ทนเอา..!
หากแต่ว่าน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ซึ่งไปทำหน้าที่เป็นตากล้องให้กระผม/อาตมภาพนั้น ไม่สามารถที่จะทนเสียงได้ ถึงขนาดต้องเผ่นหนีออกจากเต็นท์หลักที่จัดงานไปเลย บอกว่าสะเทือนแต่ละทีใจจะขาด โดนกระแทกจนรู้สึกเจ็บหัวใจไปหมด ซึ่งบุคคลที่มีความอ่อนไหวต่อเสียงแบบนี้ มีจำนวนมากต่อมากด้วยกัน..!
กระผม/อาตมภาพจึงไม่แปลกใจเลยว่า บรรดาผู้ที่นิยมดนตรีแบบเฮวี่เมทัล ในเวลาอายุมากถึงได้หูพังไปตาม ๆ กัน..! กระผม/อาตมภาพนั้นได้เปรียบที่เป็นทหาร คุ้นชินกับเสียงปืนเสียงระเบิดมามาก จนทุกวันนี้ประสาทหูก็ชำรุดไปเกิน ๔๐ - ๕๐ เปอร์เซ็นต์แล้ว จึงพอที่จะรับเสียงเหล่านี้ได้..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2024 เมื่อ 02:39
|