แต่บุคคลที่ตัดได้ก็คือ อันดับแรก ทรงสมาธิให้ถึงระดับฌาน อย่างน้อยต้องเป็นปฐมฌานละเอียดด้วย ไม่ใช่ขณิกสมาธิหรือแค่อุปจารสมาธิแบบบางสายที่สอนมา กำลังแค่นั้นไม่พอในการกดกิเลส มีแต่โดนกิเลสกระหน่ำตีให้ลำบากอยู่ทุกวัน..!
เมื่อกำลังทรงเป็นฌานได้ เราจะมีกำลังเหนือกิเลสชั่วคราว เราก็มาพินิจพิจารณาดูว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้สร้างความทุกข์ยากให้กับเราแบบไหน ?
ราคะทำให้เราทุกข์แบบไหน ? ต้องมีคู่ ต้องมีครอบครัว ต้องเลี้ยงตัวเอง ต้องเลี้ยงลูก ต้องเลี้ยงคู่ครองของตน เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา เราไม่เจ็บก็เหมือนกับเจ็บ เราไม่ป่วยก็เหมือนกับป่วย ต้องเดือดร้อนไปด้วยทุกครั้ง
โทสะเป็นทุกข์เป็นโทษอย่างไร ? ต้องไปตบตีด่าทอฆ่าฟันกับผู้อื่น สร้างความทุกข์ความกลัดกลุ้มเจ็บปวด ตลอดจนกระทั่งอาจจะถึงตาย
โลภะเป็นทุกข์อย่างไร ? ความโลภ ทำให้เรากอบโกยสิ่งของต่าง ๆ เข้ามาเต็มไปหมด จนกระทั่งมีมากเกินต้องการก็ยังไม่รู้ตัว มีหมื่นก็หามาแสน มีแสนก็หามาล้าน มีล้านก็หาให้ได้สิบล้าน แต่ละวันตะเกียกตะกายเหนื่อยยากไม่รู้จบ เป็นความทุกข์ขนาดไหน ?
และท้ายที่สุด โมหะเป็นทุกอย่างไร ? ความหลง พาเราวนเวียนหาทางออกไม่ได้มานับชาติไม่ถ้วน
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ถ้าเราเห็นทุกข์เห็นโทษ สภาพจิตก็จะค่อย ๆ ผ่อน ค่อย ๆ คลาย ถ้ากำลังน้อยก็ขยับตัวถอยห่างออกมา เพราะว่ารังเกียจมันแล้ว เบื่อหน่ายมันแล้ว แต่ถ้ากำลังมากพอก็ตัดหั่นฟันทิ้งไปเลย ตัดได้มากก็เป็นพระอรหันต์ หลุดพ้นจากกองทุกข์ไปเลย
ตัดได้ปานกลางก็เป็นพระอนาคามี ไม่ต้องลงมาเกิดให้ทุกข์อีก ปฏิบัติอยู่ข้างบนแล้วสามารถหลุดพ้นไปได้
ถ้าตัดได้น้อยก็เป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี ต่อให้ต้องเกิดเต็มที่ก็ไม่เกิน ๗ ครั้ง ก็แปลว่าเส้นทางแห่งความทุกข์ การเวียนว่ายตายเกิดลดน้อยถอยลงไปอย่างมหาศาล
ดังนั้น..เมื่อรักษาศีลและเลือกกองกรรมฐานที่ต้องการหรือว่าถูกใจได้แล้ว ก็เร่งรัดปฏิบัติให้ทรงฌานให้ได้ แล้วอาศัยปัญญาพินิจพิจารณาร่างกายนี้เป็นหลัก ถ้าเราไม่ต้องการร่างกายตัวเองก็ไม่ต้องการร่างกายคนอื่น ไม่ต้องการร่างกายสัตว์อื่น ท้ายสุดก็ไม่ต้องการแม้แต่โลกนี้ เราก็สามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-06-2024 เมื่อ 03:12
|