เมื่อถึงวาระสำคัญ กระผม/อาตมภาพไปช่วยดูแลพระเดชพระคุณหลวงปู่มหาอำพัน - พระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส ที่กุฏิ ต.๓ คณะเหนือ ปรากฏว่าตอนที่ไปรื้อบรรดาตู้โต๊ะต่าง ๆ เพื่อเก็บกวาดทำความสะอาดนั้นก็ไปเจอที่ใต้ตู้
ปรากฏว่ามีแผ่นทองคำน้ำหนัก ๓ บาทหรือ ๔ บาทโดยประมาณ แล้วก็มีลายมือเขียนไว้ว่าบาทละ ๔๐๐..!
ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีผู้ใดถวายหลวงปู่ท่านมาตั้งแต่ยุคนั้น ท่านเองเนื่องจากเป็นพระธรรมยุต ไม่สามารถที่จะจับต้องเงินทองได้ เมื่อไวยาวัจกรใส่ตู้เอาไว้ก็ทิ้งอยู่นั่นมา ไม่ทราบเหมือนกันว่านานกี่สิบปี เนื่องเพราะว่าตอนที่กระผม/อาตมภาพไปเจอเข้านั้น ทองคำบาทละ ๔,๒๐๐ บาทเข้าไปแล้ว..!
เมื่อเห็นดังนั้น กระผม/อาตมภาพจึงนำไปกราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงปู่มหาอำพันว่า "ทองคำแบบนี้แหละครับ ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านทำตะกรุดมหาสะท้อน" ซึ่งคำว่า "มหาสะท้อน" นี้ กระผม/อาตมภาพเป็นผู้คิดขึ้นมาเอง เพื่อความเข้าใจทันทีของผู้รับฟัง พูดง่าย ๆ ว่าเป็นต้นบัญญัติคำว่ามหาสะท้อนเอง เพราะว่าสมัยนั้น ทางวัดท่าซุงเรียกว่าตะกรุดเม ฯ เพราะว่าเป็นตะกรุดที่ใช้ควบกับพระคาถาย้อนกลับ คือเมสัมมุกขา สัพพาหะระติ เตสัมมุกขา
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พระเดชพระคุณหลวงปู่มหาอำพันจึงให้ตัดแบ่งออกเป็น ๔ ชิ้น จึงคาดว่าน่าจะเป็นทองคำน้ำหนัก ๔ บาท แล้วก็ให้กระผม/อาตมภาพนำใส่พานไปกราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ว่าต้องการตะกรุดมหาสะท้อน เมื่อกระผม/อาตมภาพนำไปกราบเรียน พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านก็เมตตาจารตะกรุดให้ บอกวิธีวางกำลังใจในการจารตะกรุด บอกวิธีในการจารยันต์องค์พระ แล้วสิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านสอนกระผม/อาตมภาพจารมา ก็ไม่เหมือนกับของคนอื่น
ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่าพระระดับพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงนั้น ท่านคิดอะไรก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ดังนั้น..ตะกรุดมหาสะท้อนที่ท่านจารให้เจ้าคุณหลวงตาวัชรชัยนั้น เป็นรูปยันต์องค์พระพร้อมอุณาโลม แต่ที่ท่านจารให้กระผม/อาตมภาพนั้นเป็นยันต์สี่ ก็คือยันต์ที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีกากบาทไขว้กลาง ซึ่งต้องบังคับว่าเส้นไหนไขว้ขึ้น เส้นไหนไขว้ลง ต้องจารเส้นไหนก่อน แล้วก็มีองค์พระอยู่ในพื้นที่ว่างที่เหลือจากกากบาทแล้ว ๔ องค์ ปิดท้ายด้วยองค์พระองค์สุดท้ายองค์ที่ ๕ ตรงกลาง
เมื่อกระผม/อาตมภาพนำไปเผยแพร่นั้นก็มีการถกเถียงกันกันดุเดือดมาก เนื่องเพราะว่าจากที่เขาเคยเห็นกัน ก็คือจารยันต์องค์พระองค์เดียว แบบที่ท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัยได้ไป หรือว่าจารยันต์องค์พระแค่ ๔ องค์ ตามช่องว่างระหว่างเส้นกากบาทเท่านั้น แต่กระผม/อาตมภาพกลับได้ยันต์องค์พระมา ๕ องค์ และโดนพระครูสมุห์ธรรพ์ณธร ธมฺมทินโน อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนในยุคนั้นทักท้วง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-06-2024 เมื่อ 02:49
|