แล้วมาได้ยินอีกครั้งหนึ่งจากหลวงปู่ครูบาชุ่ม วัดวังมุย สหธรรมิกรูปสำคัญของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านกล่าวถึงตะกรุดกาสะท้อน คำนี้ต้องออกเสียงภาษาเหนือ "ก่าสะต้อน" คำว่า "ก่า" นี้ก็มีจากคำว่า "กั้งก่า" ที่แปลว่าปิดบัง ป้องกัน และ "สะต้อน" ก็คือสะท้อน ก็คือกระดอนกลับ ย้อนกลับ ซึ่งจะมีอานุภาพในลักษณะของการที่ผู้ใดกระทำมา ก็จะย้อนกลับไปหาเจ้าของเขาเช่นกัน
แล้วตะกรุดมหาสะท้อนของสายวัดท่าซุงมีที่มาอย่างไร ? ก็มาจากการที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านเล่าถึงเรื่องที่ไปช่วยเหลือโยมคนหนึ่ง ซึ่งบ้านอยู่จังหวัดสมุทรสงคราม หลวงพ่อท่านไปบอกบุญให้ไปร่วมบุญในงานประจำปีวัดบางนมโค ส่วนใหญ่แล้วชาวสมุทรสงคราม - สมุทรสาครนั้น ก็มักจะนำเอาน้ำปลา หรือว่าปลาแห้งไปถวายในสมัยหลวงปู่ปานยังอยู่ยงดำรงขันธ์ ขนกันไปทีเป็นลำเรือ ๆ หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านจดจำได้ว่า บ้านไหนมีศรัทธาในวัดบางนมโค เมื่อสิ้นหลวงปู่ปานไปแล้ว ท่านก็ยังคงไปบอกบุญเวลามีงานประจำปีเป็นปกติ
แต่ปรากฏว่าครั้งนั้นไปถึง ลูกสาวเจ้าของบ้านซึ่งอยู่ช่วงวัยรุ่น รูปร่างหน้าตางดงาม โดนคนทำไสยศาสตร์มา หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านเห็นดังนั้นก็ไม่สามารถที่จะปล่อยวางได้ จึงได้บอกกับท่านเจ้าของบ้านว่า ท่านศึกษาวิชามาอย่างหนึ่ง เป็นการทำตะกรุด แต่จำกัดด้วยวัสดุ ก็คือต้องเป็นวัสดุมีราคา มีค่า เช่นทองคำ นาก หรือว่าเงิน และน้ำหนักอย่างต่ำสุด ๑ บาท
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าของบ้านได้ยินว่ามีวิธีแก้ไขจึงได้รีบไปหาแผ่นทองคำมาให้หลวงพ่อท่านจารตะกรุด แล้วก็เอาไปแขวนคอให้ลูกสาว พยายามบอกลูกสาวให้ตั้งสติ ภาวนาคาถาย้อนกลับ ก็คือ "เมสัมมุกขา สัพพาหะระติ เตสัมมุกขา"
ปรากฏว่าได้ผลดีเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าสิ่งที่เขาทำมานั้น ย้อนกลับไปหาชายหนุ่มผู้ตั้งใจกระทำไสยศาสตร์ครอบงำจิตใจของเด็กสาวผู้นี้ ทำให้ครอบครัวของเขาต้องเดือดร้อน เพราะว่าอยู่ ๆ ลูกชายก็มีอันเป็นไป จึงต้องนำลูกมากราบขอขมาให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ขอให้ท่านช่วยถอนของให้
พวกกระผม/อาตมภาพในสมัยนั้นได้ยินก็เกิดอาการ "หูผึ่ง" ขึ้นมา คืออยากได้ แต่ด้วยความที่ว่าตอนช่วงนั้น เรื่องของการงานการเงินก็ไม่ได้คล่องตัวมากนัก จึงได้แต่รอระยะเวลาที่เหมาะสม รุ่นพี่ ๆ อย่างท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ท่านจึงได้ไปก่อน ซึ่งยังคงติดองค์ท่านมาอยู่จนทุกวันนี้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-06-2024 เมื่อ 02:40
|