ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 25-06-2024, 23:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,471 ครั้ง ใน 36,246 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของการที่เราเป็นพระภิกษุสามเณร สิ่งที่ทำให้เราอยู่ได้ก็คือระเบียบวินัยและธรรมเนียมประเพณีตามแบบของพระภิกษุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จออกบิณฑบาตตลอดพระชนม์ชีพ แล้วเราที่เป็นพระลูกพระหลานรุ่นหลัง ๆ จะไม่เลียนแบบอริยประเพณีที่พระองค์ท่านได้วางแนวทางเอาไว้หรือ ?

เนื่องเพราะว่าตั้งแต่วันแรกที่บวช พระอุปัชฌาย์อาจาย์ก็บอกอนุศาสน์ว่า ปิณฑิยาโลปะโภชะนัง นิสสายะ ปัพพัชชา ปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิตประการหนึ่งก็คือการเที่ยวบิณฑบาต พระองค์ท่านไม่ได้ให้เราหุงหาอาหารฉันกันเอง ไม่ได้ให้เราโทรสั่งไลน์แมนส่งเดลิเวรี่มาถึงกุฏิ..!

กฎเกณฑ์กติกาของวัดท่าขนุนก็คือ "ถ้าวันไหนไม่บิณฑบาต วันนั้นท่านก็ไม่ต้องฉัน" อย่าได้อ้างว่าเจ็บไข้ได้ป่วย เพราะว่าถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยแล้วไม่ได้นอนโรงพยาบาล ถือว่ายังบิณฑบาตไหว โดยที่กระผม/อาตมภาพนั้นทำตัวเองเป็นตัวอย่างให้ทุกคนได้ดูมามากแล้ว

บางวันป่วยมากจน "เบลอ" เดินเตะก้อนหินเล็บหลุดไปทั้งอัน เดินไปเลือดก็หยดพื้นไปโดยที่ตัวเองไม่รู้ เพราะว่าเจ็บป่วยจน "เบลอ" ไปหมด แต่ก็ยังพยายามคุมสติ เดินบิณฑบาตจนกระทั่งกลับถึงวัด
เนื่องเพราะว่าถ้าหากไปนอนที่โรงพยาบาล เท่ากับยอมให้ตนเองขี้เกียจ อ่อนแอแพ้พ่ายกิเลส เพราะว่าขันธมารกินร่างกาย ไม่ได้กินจิตใจของเรา ถ้าหากว่าใจของเรากล้าต่อสู้ กล้าฟันฝ่า อุปสรรคทั้งหลายเหล่านี้ ก็ไม่มีอะไรที่น่าจะต้องกลัวต้องเกรงเลย

เนื่องเพราะว่าการบิณฑบาตก็คือการเดินภาวนา ในเมื่อเป็นการภาวนาก็แปลว่าต้องแลกกันด้วยชีวิต เพื่อให้จิตของเราสงบจาก รัก โลภ โกรธ หลง ไม่เช่นนั้นแล้วตาก็จะสอดส่ายดูรูปที่ชอบ หูก็จะไปฟังเสียงที่ชอบ เหล่านี้เป็นต้น มีแต่จะนำพาความเสียหายมาสู่จิตสู่ใจของเรา ยิ่งเดินบิณฑบาตไกลเท่าไร ยิ่งเป็นเครื่องวัดที่ชัดเจนว่า ตัวเราสามารถรักษาอารมณ์ใจให้นิ่งสงบเท่ากับตอนนั่งเจริญกรรมฐานหรือไม่ ?

การเดินบิณฑบาตก็คือการเดินจงกรมปฏิบัติธรรม เพียงแต่ว่าเป็นการปฏิบัติธรรมในชีวิตจริง คือนำไปใช้ประโยชน์จริง ๆ ต้องพยายามควบคุมจิตใจของเราให้นิ่งให้สงบได้ตลอดเส้นทางบิณฑบาต ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าหากว่าไปเจอประสบการณ์โหดอย่างรุ่นเก่า ๆ ท่านทั้งหลายก็อาจจะฟุ้งซ่านไปเป็นอาทิตย์ ๆ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2024 เมื่อ 01:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา