ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เรื่องของธรรมาธิปไตยจึงจำเป็นในทุกที่ คราวนี้คำว่าธรรมาธิปไตยนั้น เราเริ่มจากไหน ? เริ่มจากศีล ท่านทั้งหลายจะสังเกตว่าถ้าหากว่ามีแค่ศีล ๕ ไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายอื่นก็ได้
เพราะว่าเรื่องที่จะไปทะเลาะเบาะแว้งฆ่าฟันกันก็ไม่มี เรื่องที่จะไปลักขโมย หยิบฉวยช่วงชิงข้าวของที่เจ้าของไม่ได้ให้ก็ไม่มี เรื่องที่จะไปแย่งคู่ครองของเขา จนเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นมาอย่างทุกวันนี้ก็ไม่มี เรื่องของการโกหกหลอกลวง แม้กระทั่งหลอกเงินแบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ไม่มี เรื่องของสุรายาเสพติดต่าง ๆ ก็ไม่มี กฎหมายแทบจะไม่จำเป็นต้องมีเลยก็ได้
แล้วต่อไปก็คือการที่เราทั้งหลายอาศัยพื้นฐานของศีลปฏิบัติในสมาธิ เพื่อให้มีกำลังใจในการระงับยับยั้ง รัก โลภ โกรธ หลง ในใจของเรา จะได้ไม่เที่ยวไปโกงไปกินไปคอรัปชั่น แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ต้องมีหลักธรรมเข้ามาหนุนเสริม ก็คือ หิริ -โอตัปปะ รู้ละอายชั่วกลัวบาปด้วย ความละอายชั่วกลัวบาปจะทำให้เรารู้จักระงับยับยั้ง
คราวนี้การระงับยับยั้งจะทำได้มากได้น้อย ก็ขึ้นอยู่กับกำลังสมาธิที่เราทำได้ แล้วหลังจากนั้นก็ใช้ปัญญาพิจารณาดู ให้เห็นว่าทุกคนล้วนแต่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย รักสุขเกลียดทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น อะไรที่สามารถสร้างความสุขบรรเทาความทุกข์ให้กับประชาชนได้ ผู้ปกครองก็ต้องรีบทำ
อย่างที่เราท่านจะได้เห็นกันมาตลอดในสมัยที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงบำเพ็ญกรณียกิจทุกอย่างเพื่อความสุขของพสกนิกรโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่มีคนจนคนรวยในสายตาของพระองค์ท่าน ไม่มีเชื้อชาติศาสนาในสายตาของพระองค์ท่าน มีแต่พสกนิกรที่พระองค์ท่านจำเป็นที่จะต้องประคับประคองให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นพอมีพอกิน ถ้าสามารถที่จะร่ำรวยไปได้เลยก็ยิ่งดี จนกระทั่งกลายเป็น "ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง" อันโด่งดังไปทั่วโลก
ความจริงก็คือหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ได้แก่ หลักสันโดษ ซึ่งพระองค์ท่านก็อธิบายชัดเจนว่า คำว่า พอเพียง ไม่ได้แปลว่าจน ใครที่คิดว่าหลักพอเพียงทำให้ประเทศชาติไม่เจริญ ไอ้นั่นไม่มีหัวแม่ตีนก็เลยไม่รู้จักคิด..! แถมยังไปเผยแพร่แนวคิดแบบนี้เป็นวงกว้างอีกต่างหาก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-06-2024 เมื่อ 02:43
|