ส่วนในช่วงบ่ายวันนี้ กระผม/อาตมภาพไปร่วมประชุมคณะกรรมการดำเนินงานจัดโครงการ "แสดงพระธรรมเทศนา ๔ ภาคเฉลิมพระเกียรติ" ซึ่งงานนี้เป็นการจัดแสดงพระธรรมเทศนาภาคสุดท้าย ก็คือภาคกลาง จะจัดที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในวันอาทิตย์ที่ ๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
แต่ด้วยความที่ว่ากระผม/อาตมภาพนั้น น่าจะต้องโดนกำหนดให้เป็นพระเกจิอาจารย์เสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเจริญพระชนมายุ ๗๒ พรรษา ซึ่งมีกำหนดการในวันเดียวกัน จึงได้กราบเรียนพระเดชพระคุณพระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙, Ph.D.) ท่านเจ้าคุณอาจารย์ ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติว่า งานนี้ถึงเป็นกรรมการ กระผม/อาตมภาพก็คงไม่สามารถที่จะร่วมงานด้วยได้ นอกจากร่วมถวายปัจจัยในการนี้ไป ๑๐๐,๐๐๐ บาท เพราะว่าค่าเช่าสถานที่ก็คือศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในวันอาทิตย์นั้น อยู่ที่วันละ ๑๒ ล้านบาท..!
แม้ว่าจะได้รับการถวายจากคุณฐาปน สิริวัฒนภักดีก็ตาม แต่ว่างานด้านอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยไทยธรรมถวายพระมหาเถระที่มาร่วมงาน ๗๓ รูป ตลอดจนกระทั่งข้าวปลาอาหารและน้ำดื่ม ที่จะถวายพระภิกษุสงฆ์จนกระทั่งญาติโยมที่ไปร่วมงานอีกหลายพันคน ก็คงจะต้องแบ่งสันปันส่วนกันรับผิดชอบ
ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิตบ่นว่า "ท่านมีแต่ให้ผมอยู่ฝ่ายเดียว ผมไม่มีโอกาสได้ให้อะไรท่านบ้างเลย" ที่ท่านปรารภมาเช่นนี้ก็เพราะว่า ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะไปขอพระฐานานุกรมของท่านบ้าง ขอท่านสนับสนุนงานนั้นงานนี้บ้าง ขอท่านช่วยไปเป็นประธานในงานของตนบ้าง แต่กระผม/อาตมภาพนั้น ถวายปัจจัยให้กับท่านเพื่อช่วยงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยสุจริตจริง ๆ
ดังนั้น..ท่านจึงได้ตั้งกองทุนเผยแผ่พระพุทธศาสนา ด้วยเงินที่กระผม/อาตมภาพถวายท่านไว้ครั้งแรก ๑ ล้านบาท แล้วก็มีการเพิ่มทุนมาเป็นระยะ เมื่อท่านเจ้าคุณอาจารย์บ่นมาในลักษณะนี้ เหมือนกับว่า "เมื่อไรจะขอท่านสักที" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ขออภัย เนื่องเพราะว่าเป็นคนขออะไรใครไม่เป็น..!
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า "ผู้ให้นั้นเป็นที่รัก แต่ผู้ขออาจจะกลายเป็นผู้ที่ถูกรังเกียจก็เป็นได้" เนื่องเพราะว่าพระภิกษุสามเณรของเรานั้น ปกติแล้วปัจจัย ๔ ก็คืออาหารบิณฑบาต จีวรที่ใช้นุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยก็ในวัดวาอารามของตนเอง ยารักษาโรค กระผม/อาตมภาพก็มีหมอที่ปวารณารักษาให้อยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรที่ขาดเลยแม้แต่อย่างเดียว ทำเอาท่านเจ้าคุณอาจารย์พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่นึกว่าลูกศิษย์จะตั้งหน้าตั้งตาดันท่านออกหน้าไปทำงานอย่างเดียว โดยที่ไม่ได้หวังอะไรจากท่านเลย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2024 เมื่อ 00:59
|