ถ้าหากญาติโยมมีกำลังใจที่เข้าถึงธรรมสักหน่อย ก็จะไม่ใช้คำพูดที่แรงแบบนี้ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าภาพพจน์ที่ญาติโยมเห็นเกี่ยวกับพระสงฆ์นั้น เป็นภาพพจน์ที่ท่านทั้งหลายจำฝังใจไปเสียแล้ว
จนกระทั่งมีการกล่าวกันว่า "บวชพระแล้วสบาย บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ ภาษีไม่ต้องเสีย ถึงเวลาก็มีคนเอาปัจจัยสี่มาทูนหัวทูนเกล้าถวายเอาไว้ให้อีก" ซึ่งจะว่าไปแล้วภาพพจน์ทั้งหลายที่ท่านได้เห็นนั้น เป็นในช่วงท้าย ๆ นี้เท่านั้น
ก่อนหน้าสมัยที่กระผม/อาตมภาพยังเด็กอยู่นั้น เมื่อเข้าเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ คุณครูก็เริ่มอบรมสั่งสอนว่า "สินค้าออกสำคัญของไทย ประกอบไปด้วย ข้าว ข้าวโพด ยางพารา ไม้สัก แร่ดีบุก" ซึ่งเด็กประถมชั้นปีที่ ๑ เพิ่งจะอ่าน ก.ไก่ ข.ไข่ ก็ต้องฟังเอาไว้เต็มหู
กระผม/อาตมภาพนั้นยังต้องหยุดวันโกนวันพระ เมื่อถึงวันโกนครูจะให้หยุดเรียนครึ่งวัน ไปช่วยตักน้ำใช้น้ำฉันใส่โอ่งใส่ไหที่วัด เอาไว้เพื่อให้พระท่านใช้งาน ไปช่วยกันกวาดวัดถูศาลา ล้างถ้วยล้างชามล้างปิ่นโต ทำความสะอาดห้องส้วม เพื่อรองรับศรัทธาญาติโยมที่จะมาใช้สถานที่ในวันพระ คือมาทำบุญนั่นเอง
ครั้นถึงวันพระ พ่อแม่ก็พาไปวัด เพื่อที่จะได้ทำบุญใส่บาตร โดยเฉพาะเด็ก ๆ มักจะชอบไปวัดมาก เพราะว่าข้าวปลาอาหารที่เหลือจากพระภิกษุสามเณรนั้น มักจะดีกว่าที่บ้านมาก เนื่องเพราะว่าญาติโยมทั้งหลายพยายามทำในสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อที่จะถวายทานเอาไว้ในพระพุทธศาสนา
แล้วบรรดาหลวงปู่หลวงตาหลวงพ่อท่านก็เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน ไม่ว่าจะมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอะไรมาปรึกษา ท่านก็พยายามชี้ทางออก บอกทางถูกให้ เจ็บไข้ได้ป่วยมาท่านก็รักษาด้วยยาสมุนไพรบ้าง ด้วยคาถาอาคมบ้าง เมื่อมีเรื่องราวทะเลาะเบาะแว้งกัน ท่านก็เป็นกรรมการตัดสินให้
เราจะเห็นว่าสมัยนั้น เมื่อถึงเวลาจะมีการสร้างกุฏิ สร้างศาลา ญาติโยมทั้งหลายก็ไปช่วยกัน ผู้ใหญ่บ้านท่านนั้นออกเสาหนึ่งต้น กำนันท่านนี้ออกเสาหนึ่งต้น เถ้าแก่โรงสีท่านนั้นออกเสาหนึ่งต้น ไอ้ทิดบ้านนี้ให้ไม้กระดานหนึ่งแผ่น คุณยายบ้านโน้นให้สังกะสีหนึ่งแผ่น
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ทำให้พระภิกษุของเราไม่จำเป็นที่จะต้องไปรบกวนญาติโยมในเรื่องของเงินทอง เพราะว่าระบบของสังคมในยุคนั้นช่วยบริหารจัดการให้ ไม่ว่าจะเป็นศาลาการเปรียญ หอระฆัง หรือโบสถ์ ล้วนแล้วแต่ญาติโยมทั้งหลายช่วยกันออกปัจจัย ช่วยกันออกเรี่ยวแรงสร้างให้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 23-06-2024 เมื่อ 00:32
|