ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 20-06-2024, 00:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,546 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..การที่จะเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม บางทีก็เป็นการทวนความรู้เก่าของเราไปในตัว ขณะเดียวกันก็ได้สร้างธรรมทานไปด้วย

ในเรื่องของการเรียนนั้น ควรที่จะเรียนให้ต่อเนื่องกันไป ก็คือไปให้สุดแรงสุดกำลังของเราก่อนแล้วค่อยหยุด ถ้าหากว่าเรียน ๆ หยุด ๆ จะมีประสบการณ์ประเภท "ไฟหมด" ก็คือไม่มีอารมณ์ที่จะเรียนต่ออีก..!

ดังนั้น..ท่านใดที่เรียนอยู่ ถ้าเป็นไปได้ต้องตะเกียกตะกายไปให้เต็มที่ของเรา ถ้าสามารถจบเปรียญธรรม ๙ ประโยคได้ก็ยิ่งดี ถ้าต้องการที่จะดูตัวอย่างกาญจนบุรีของเราก็มี ก่อนหน้านี้ก็มีพระมหาเอกชัย อุตฺตโม วัดหม่องกระแทะ ซึ่งท่านจบประโยค ๙ ตอนอายุ ๔๐ กว่าปี หรือกระผม/อาตมภาพก็ไม่แน่ใจว่าจะถึง ๕๐ ปีหรือเปล่า ?

หรือแม้กระทั่งเจ้าคณะอำเภอพนมทวน ก็คือพระมหาธวัชชัย กลฺยาโณ ป.ธ.๙ นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ เพราะว่าท่านผ่านการเกณฑ์ทหารแล้วจึงมาบวช บวชแล้วเรียนบาลีจบประโยค ๙ ก็คือเรียนตอนอายุมากแล้ว แต่สามารถลุยจนจบประโยค ๙ ได้

ก็แปลว่าในเรื่องของการศึกษานั้น ไม่ใช่ว่าอายุมากหรืออายุน้อย หากแต่อยู่ที่ความพยายามล้วน ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่เราทั้งหลายพบเห็นอยู่ในปัจจุบัน ก็คือเรามีรุ่นพี่ที่เป็นเปรียญธรรมที่เป็นประโยคสูง ก็เอาเป็นเป้าหมายไว้ว่าเราจะทำให้ได้ในระดับนั้น หรือท่านที่ยังไม่มีเปรียญธรรมอยู่ก็เพียรพยายามที่จะสอบให้ได้

ถ้าดูตัวอย่างพระภิกษุสามเณรที่มาจากภาคอีสาน เมื่อถึงเวลาสอบได้เปรียญธรรม ๓ ประโยคขึ้นไป กลับบ้านไปกลายเป็น "พระมหา" แทบจะเป็นความหวังของหมู่บ้าน สมัยนี้เขาใช้คำว่า "ตัวแทนหมู่บ้าน" ก็คือมีอะไรชาวบ้านแทบจะมอบกายถวายชีวิตให้กับพระมหาที่จบมาจากเมืองกรุง ยิ่งได้ประโยคสูง ๆ ชาวบ้านก็ยิ่งตั้งความหวังเอาไว้มาก พูดง่าย ๆ ว่ายังไม่ทันจะเรียนจบ เขาก็แทบจะยกขึ้นเหนือเศียรเหนือเกล้าไปแล้ว..!

แต่เราต้องไม่ลืมประโยคบาลีที่เราเรียนว่า ยโส ลทฺธา น มชฺเชยฺย บุคคลได้ยศแล้วไม่พึงเมา ก็คือต่อให้เราเป็นเปรียญธรรม ๙ ประโยค เราก็ยังคงเกิดแก่เจ็บตายเหมือนกับผู้อื่น การศึกษาเป็นเพียงเครื่องช่วยเปิดโลกทัศน์ให้กับเรา มีหนทางที่จะศึกษาเรียนรู้ได้มากกว่าคนอื่นเท่านั้น

ถ้าศึกษาไปแล้วใช้งานไม่ได้ก็ไร้ประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปหลงในเรื่องของยศ ในเรื่องของตำแหน่ง ก็มีแต่จะพาให้เราห่างไกลจากความดี แล้วอาจจะหลงทางจนพาเราสู่ทุคติไปเลยก็เป็นได้..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เถรี)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2024 เมื่อ 02:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา