อย่างสมัยที่ยังอยู่ที่วัดท่าซุง ถ้าหากว่าหลวงพ่ออาจินต์ (พระครูภาวนาธรรมนิเทศก์) ซึ่งพวกกระผมเรียกว่า "หลวงพี่" ถ้าท่านลากลูกศิษย์ไม่ไหว ท่านก็จะไปตามท่านเจ้าคุณหลวงตา - พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ. หรือว่า "หลวงพี่วัชรชัย" ถ้าทั้งสองท่านเข็นไม่ไหว ก็จะมาตามกระผม/อาตมภาพไปช่วย
แล้วมีอยู่วันหนึ่ง หลวงพ่ออาจินต์ท่านก็ขับรถประจำตัวของท่าน ก็คือซูซูกิคาริเบียน มีเจ้าคุณหลวงตานั่งมาด้วย มาถึงหน้าตึกก็ตะโกนว่า "เล็กโว้ย หาคนเข้าเวรแทนให้หน่อย แล้วมาช่วยผมที" ถามว่า "เรื่องอะไรครับ ?" ท่านบอกว่า "เจอเรือเกลืออีกแล้ว..!"
ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า พวกเรือข้าว เรือเกลือ หรือว่าเรือทราย เป็นเรือที่บรรทุกหนักมาก โอกาสที่จะแล่นเร็วนั้นเป็นไปไม่ได้ แล้วปรากฏว่าพระอาคันตุกะรูปนั้นมาอยู่วัดได้ ๖ วันแล้ว วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้รับอนุญาตให้อยู่ตามระเบียบวัด
พอหลวงพ่ออาจินต์ท่านเข็นไม่ไหว จึงไปตามหลวงตาวัชรชัยมาช่วย หลวงตาวัชรชัยเจอไปสองวัน ยอมยกธงขาว มาตามกระผม/อาตมภาพไปช่วย พอไปเจอแล้วถึงได้รู้ว่าทำไม เนื่องเพราะว่าระยะเวลาในการเจริญกรรมฐานแบบมโนมยิทธิ ๒ ชั่วโมงเศษ กระผม/อาตมภาพสามารถพาท่านไปได้แค่พระจุฬามณีเท่านั้น ถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ? ก็เพราะว่าท่านละเอียดถึงขนาดไปนับบันไดทีละขั้น..! ถ้าหากว่าใครมโนมยิทธิแจ่มใส ลองมองดูว่าบันไดจุฬามณีมีกี่หมื่นขั้น..! ท่านค่อย ๆ ไปดูว่า บันไดกว้างเท่าไร ยาวเท่าไร ทำด้วยวัสดุอะไร สีสันเป็นอย่างไร ?!!
ดังนั้น..ถ้าหากว่าไปเจอปัญหาแบบนี้ ครูบาอาจารย์ส่วนใหญ่ก็ตายสนิท..! เนื่องเพราะว่าลูกศิษย์มีความต้องการมากกว่า แต่ว่าครูบาอาจารย์ไปไม่ถึงระดับนั้น กระผม/อาตมภาพวันนั้น กลับมากุฏิได้ก็นอนแผ่หรา หมดเรี่ยวหมดแรง ดังนั้น..ถ้าหากท่านบอกว่ามีเรือเกลือมา หรือว่ามีเรือทรายมานี่ ขอให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า ไม่ใช่เราลากไปในน้ำ แต่เป็นการเข็นเรือเกลือหรือว่าเรือทรายบนบก..! กว่าจะไปได้แต่ละคืบแต่ละศอกนี่คนเข็นเกือบตาย..!
เรื่องของกรรมฐานจึงต้องพยายามฝึกและซักซ้อมให้รู้รอบรู้จริง เนื่องเพราะว่ากรรมฐานนั้นมีถึง ๔๐ กอง บวกมหาสติปัฏฐานสูตร โอกาสที่เราจะเจอลูกศิษย์ที่มาคนละทิศคนละทางกับสิ่งที่เราศึกษาต้องมีแน่นอน
แต่โชคดีที่ว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านสอนเอาไว้ครบถ้วน แล้วกระผม/อาตมภาพก็ยังศึกษาเพิ่มเติมอยู่เสมอ จึงพอที่จะรับมือกับพวกที่มานอกทุ่งนอกท่าได้ แต่ถ้าพวกท่านทั้งหลายศึกษาไม่พอก็จะขายหน้า เพราะว่าลูกศิษย์มีความต้องการมากกว่าความสามารถของครูบาอาจารย์ เราก็ต้องรู้ว่าถ้าเราไม่ไหวแล้วควรที่จะไปหาใครต่อ ไม่อย่างนั้นก็เสียหน้าอยู่คนเดียว..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2024 เมื่อ 02:47
|