กระผม/อาตมภาพเริ่มปล่อยปลาตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๒๙ มาทุกเดือน จนถึงป่านนี้ แล้วก็ไม่เคยปล่อยแค่ตัวสองตัว เพราะว่าพอไปถึงเห็นปลาตาปริบ ๆ อยู่ ก็มักจะเหมาหมดตลาด จนกระทั่งเกิดวังมัจฉาขึ้นที่หน้าวัดท่าซุง ก็เพราะการปล่อยปลาของกระผม/อาตมภาพนั่นเอง..!
คราวนี้ความดีของการป่วยหนักมาตั้งแต่เด็ก ก็คือเห็นทุกข์เห็นโทษของร่างกายนี้จริง ๆ ปล่อยปลาอยู่ ๓๐ ปี กว่าที่จะได้หมอได้ยาที่พอบรรเทาอาการลงได้ ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าพักไม่พอเมื่อไร มาลาเรียก็จะกำเริบทันที แล้วกระผม/อาตมภาพก็โดนเชื้อทั้งขึ้นสมองและลงกระเพาะ ถ้าขึ้นสมองก่อน อีกไม่นานก็จะไปลงกระเพาะ ถ้าลงกระเพาะก่อน อีกไม่นานก็จะขึ้นสมอง สลับกันไปอย่างนี้ แต่วันนี้นอนไป ๗-๘ ชั่วโมง คาดว่าร่างกายดีขึ้น อาการที่จะขึ้นสมองคงจะไม่มี..!
การเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเครื่องวัดกำลังใจของนักปฏิบัติธรรมที่ดีมาก ว่าเรายังยึดมั่นถือมั่นกับร่างกายนี้หรือไม่ ? โดยเฉพาะการเป็นมาลาเรีย พอถึงเวลากำเริบมาก ๆ อาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากปลายประสาททุกส่วนอักเสบ กระดูกในตัวมีกี่ชิ้นก็รู้หมด กระผม/อาตมภาพถึงได้เข้าใจว่า ที่เขาเป็นมาลาเรียกันแล้วตายนั้น ก็เพราะว่าทนการอักเสบไม่ไหว
สมัยที่มาลาเรียกำเริบมาก ๆ อยู่ที่เกาะพระฤๅษี หน้าหนาวแท้ ๆ แต่ว่ากระผม/อาตมภาพใส่แค่สบงอังสะ เอาผ้าชุบน้ำพันหัวเดินภาวนารอบกุฏิ ควันขึ้นโขมงอย่างกับเอาผ้าชุบน้ำร้อนพันหัว สติสุดท้ายกำหนดอยู่กับภาพพระที่บนพระนิพพาน แล้วก็เดินภาวนาไปเรื่อย รู้ว่าถ้าความร้อนขึ้นมากกว่านี้อีกนิดเดียว เราก็จะขาดสติ ทำอะไรไปก็จะไม่รู้ตัว แต่ปรากฏว่าไม่ถึงระดับนั้น ไม่ทราบว่าสติดีเกินไปหรืออย่างไร ?
แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งไปที่เวชศาสตร์เขตร้อน หมอเขาให้อมปรอท พอเห็นว่าอุณหภูมิ ๔๒ องศาเซลเซียสก็ตกใจ บอกว่า "อาการหนักขนาดนี้แล้วท่านเดินมาได้อย่างไร ?" ก็บอกว่า "เดินมาตามปกตินี่แหละ" คือไม่ได้ตั้งใจกวนหมอ แต่ว่าเป็นเสียจนชินแล้ว
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2024 เมื่อ 02:24
|