กระผม/อาตมภาพถึงได้ประกาศบอกกับเขาไปอย่างชัดเจนว่า "ถ้าโลกนี้ไม่มีพระพุทธเจ้าแล้วกูจะยอมไหว้มึง ถ้าแน่จริงมึงก็ทำให้กูตายไปตอนนี้เลย ไม่อย่างนั้นตราบใดที่มีชีวิตอยู่ กูจะปฏิบัติเพื่อพระนิพพานต่อไป..!"
เรื่องพวกนี้ถ้าไม่ได้เจอมาด้วยตนเอง ก่อนหน้านี้ กระผม/อาตมภาพก็คิดว่า ในเรื่องของมารทั้ง ๕ ส่วนใหญ่แล้วก็คืออารมณ์ใจฝ่ายอกุศลของเรานั่นเอง แต่พอเจอมาแล้วถึงได้รู้ว่าเขามีตัวตนจริง ๆ แล้วมีพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวมาก..!
แต่ท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมตรงที่ว่า พลังงานฝ่ายชั่วน่ากลัวขนาดไหนก็ตาม พลังงานฝ่ายดีก็มีอยู่ ดังนั้น..อย่าได้หลงประเด็นไปคล้อยตามเขาเป็นอันขาด อะไรที่เคยผิดพลาดไป ก็ถือว่าเป็นความโง่ของเราเอง ที่ไปหลงเชื่อเขามากกว่าเชื่อพระพุทธเจ้า แต่ว่าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราจะพยายามระมัดระวังไม่ให้พลาดอีก
มารทั้ง ๕ นั้นประกอบไปด้วย
๑) กิเลสมาร ก็คือ ความดีความชั่วที่เราสั่งสมมาในอดีต แล้วในด้านชั่วมีอำนาจมากกว่าก็มาควบคุมจิตใจของเรา ต้องบอกว่ามารนั้นมีความสามารถสูงมาก ถ้าท่านทั้งหลายศึกษาในพระไตรปิฎก อย่างในพรหมนิมันตนิกสูตร จะเห็นว่าพญามารอาศัยควบคุมปริสัชชาพรหมท่านหนึ่ง เอ่ยปากคัดค้านองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า "อย่าเลยสมณโคดม พกาพรหมนั่นแหละเป็นที่สุดแล้ว" ท่านต้องไม่ลืมว่านั่นมารสิงได้กระทั่งพรหม..!
หรือในมารตัชชนียสูตร พระสารีบุตรเถระเดินจงกรม อยู่ ๆ ก็ปวดท้องหมดเรี่ยวหมดแรงเดินต่อไม่ได้ เมื่อพิจารณาดูก็เห็นพญามารไปแอบอยู่ในท้อง ทำให้เกิดอาการปวดท้อง คือขันธมารกำเริบขึ้นมา
ท่านจึงกล่าวว่า "ปาปิมะ..ดูก่อน..มารผู้มีบาป เรารู้จักเธอ จงออกมาเถิด" มารก็ยังถามว่าจะรู้จักเราได้อย่างไร ? ยังดื้อไม่ยอมออกมา พระสารีบุตรก็เลยสาธยายว่า "แม่ของเธอชื่อกาลี ตัวของเธอชื่อทูสี เรารู้จักเธอดี จงออกมาเถอะ" ยังดีที่ไม่สาธยายไปถึงสิบแปดชั่วโคตร..! มารพอรู้ว่าพระเถระรู้จักตนอย่างแท้จริงถึงได้ยอมออกไป นั่นพระอรหันต์นะ..!
หรือว่าถ้าท่านทั้งหลายดูในมารสังยุตต์ ก็จะเห็นว่ามารแปลงเป็นช้างตกมัน วิ่งเข้ามาจะเหยียบพระอรหันต์ที่ท่านพิจารณาธรรมอยู่ แต่ด้วยความที่เป็นพระอรหันต์ ท่านปราศจากความกลัวทั้งปวงแล้ว โดยเฉพาะความกลัวตาย จึงไม่ได้หวั่นไหวต่อร่างแปลงของพญามาร อีกฝ่ายหนึ่งจึงต้องคืนร่างกายเป็นรูปร่างตามเดิม..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-06-2024 เมื่อ 02:19
|