แต่ในปัจจุบันของเรา อย่างรุ่นหลัง ๆ มา การอบรมพระธรรมทูตรับผิดชอบโดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จึงได้มีการเน้นให้ปฏิบัติธรรม แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่าการเน้นในการปฏิบัติธรรมนั้น เน้นที่รูปแบบซึ่งจะไปแนะนำให้ผู้อื่นได้ปฏิบัติ ไม่ได้เน้นในการที่ปฏิบัติขัดเกลาให้ตนเองเหลือกิเลสให้น้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ ดังนั้น..จะไปตั้งความหวังกับพระธรรมทูตรุ่นหลัง ๆ ว่าดีกว่ารุ่นแรก ๆ ก็คงจะเป็นไปได้ยาก
ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายมั่นคงต่อแนวทางของตน ก็คือยึดมั่นในพระพุทธศาสนา ดำรงในความเป็นพระภิกษุสามเณรเอาไว้ได้ กำลังใจต้องมั่นคงต่อ ศีล สมาธิ ปัญญา โดยเฉพาะสมาธิ ซึ่งจะช่วยให้พวกเรามีกำลังในการต่อต้านกิเลสได้ มีสติรู้จักยั้งคิด ไม่เสียเวลาไปสร้างโลกให้ตนเองทุกข์เพิ่มขึ้น มีปัญญาในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
แต่คราวนี้ในเมื่อการอบรมส่วนใหญ่แล้ว ไปเน้นในส่วนของการศึกษารูปแบบ เพื่อไปถ่ายทอดให้ผู้สนใจ ก็จะกลายเป็นเรื่องยาก เพราะว่าการปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าเราทำไม่ถึงเอง ย่อมไม่สามารถที่จะอธิบายอารมณ์ของสภาวธรรมให้ถูกต้องได้ ก็ได้แต่มั่ว ๆ ผิว ๆ เผิน ๆ ไปเท่านั้น
แบบเดียวกับปัจจุบันนี้ที่เขามีการสอนว่า ถ้าผ่านญาณ ๑๖ แล้วแปลว่าคุณได้อย่างน้อยพระโสดาบัน..! แล้วก็ทำเอาผู้ปฏิบัติทั้งหลายหลงทิศหลงทางกันไปมากมาย เนื่องเพราะว่าพอถึงเวลาเราไปส่งอารมณ์แล้ว มีเฉียดญาณใดญาณหนึ่งขึ้นมาแม้แต่เล็กน้อย ครูบาอาจารย์ท่านก็จะฟันธงว่าผ่านญาณนั้นแล้ว สรุปก็คือของราคาเป็นล้าน เก็บได้สลึงหนึ่ง เขาก็บอกว่าได้ครบล้านแล้ว..!
ดังนั้น..จะเอาดีในเรื่องของการปฏิบัติแบบนี้ก็เป็นเรื่องยาก นอกจากเรารักที่จะไปปฏิบัติเพิ่มเติมด้วยตนเอง แต่ก็มักจะอยู่ในลักษณะที่เข้าใจผิด โดยเฉพาะทางสายพองยุบในปัจจุบันนี้ น่าเป็นห่วงที่สุด เนื่องเพราะว่าพอมีความคิดขึ้นมา ท่านก็จะให้ภาวนาว่า คิดหนอ..คิดหนอ..คิดหนอ จนกระทั่งความคิดนั้นดับไป ถ้าหากว่าเราคิดไม่ได้แล้วจะพิจารณาธรรมอย่างไร ?
แล้วโดยเฉพาะก็คือ ส่วนใหญ่ไปกำหนดว่าให้เราใช้กำลังแค่ขณิกสมาธิ หรือว่าอุปจารสมาธิเท่านั้น ซึ่งกำลังเหล่านั้นไม่เพียงพอในการตัดกิเลสแม้แต่น้อย กำลังที่พอจะตัดกิเลสเบื้องต้น อย่างต่ำต้องเป็นปฐมฌานละเอียด หรือถ้าสามารถทรงฌาน ๔ ได้ก็ยิ่งดี แต่ท่านก็ส่วนใหญ่ให้ใช้แค่ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ แล้วก็อาศัยการที่รู้เท่าทันอารมณ์ปัจจุบันว่า ตอนนี้เราโกรธ ตอนนี้เรารัก ตอนนี้เราโลภ ตอนนี้เราหลง เป็นต้น แล้วบอกว่านั่นคือวิปัสสนาญาณ..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-06-2024 เมื่อ 01:58
|