[เถรี]

อีกสักครู่หนึ่งแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ หรือที่เรารู้จักก็คือคุณหมอสืบจากศพ อดีตวุฒิสมาชิกหลายสมัย ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงตาม้าก็มากราบด้วย ยังเรียนกับคุณหมอว่าพบกันครั้งสุดท้ายที่หาดใหญ่ ท่านก็ยังจำได้ บอกว่ากำลังจะเขียนหนังสือใหม่ เนื่องเพราะว่าอาตมภาพเป็น FC หนังสือของคุณหมออยู่ ท่านบอกว่าคราวนี้คงไม่ได้เขียนประเภทสืบจากศพแล้ว แต่จะเขียนเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาแทน ถึงเวลาต้องรบกวนให้กระผม/อาตมภาพช่วยดูข้อมูลให้ด้วย

ครั้นได้เวลา บรรดาเจ้าหน้าที่ก็นิมนต์พวกเราเข้าประจำที่ แล้วมีการทำบวงสรวง เพื่อที่จะบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง ซึ่งหลวงพ่อหนุน (พระครูวิชัยสารคุณ) ท่านเป็นผู้ทำการบวงสรวงแล้ว ก็ยังมีฝ่ายหญิงมาทำการบวงสรวง ประมาณว่าเรียกมาหมดทั้งสามโลก จนกระทั่งบางท่านก็ยังบ่นว่า "ดูมัน เรียกแล้วเรียกอีก"

กระผม/อาตมภาพก็ขำอยู่เหมือนกัน เพราะว่ามีการอัญเชิญพระศิวะพร้อมกับท่านแม่พระอุมา แล้วก็มาเชิญเง็กเซียนฮ่องเต้ ยังอุตส่าห์ไปเชิญพระอินทร์อีกต่างหาก กระผม/อาตมภาพยังขำ ๆ ว่านี่ถ้าหากว่าอัญเชิญไปถึงเทพซูส ท่านปู่พระอินทร์ก็คงต้องรับภาระอีกตามเคย..!

เรื่องเหล่านี้ก็เป็นเรื่องอัศจรรย์เหมือนกัน ว่าบรรดาผู้ที่มีทิพจักขุญาณ ทำไมถึงได้รู้เห็นเหมือน ๆ กันหมด อย่างเช่นว่าเทพซูสของทางด้านกรีกนั้น อยู่บนยอดเขาโอลิมปัส ใช้สายฟ้าเป็นอาวุธ แล้วทำไมพระอินทร์ซึ่งอยู่บนยอดเขาพระสุเมรุก็ใช้วชิราวุธ คือสายฟ้าเหมือนกัน ?

ของประเทศจีนก็มีอวี้หวงต้าตี้ หรือที่ภาษาแต้จิ๋วเรียกว่าเง็กเซียนฮ่องเต้ แล้วทำไมถึงต้องเป็นจักรพรรดิหยกที่มีร่างกายสีเขียว ? ทั้ง ๆ ที่คนจีนกับคนไทยก็ไม่ได้สื่อถึงกันว่าพระอินทร์นั้นมีร่างกายสีเขียว ในเมื่อเป็นเช่นนี้จึงเป็นเรื่องของผู้ที่มีสัมผัสที่ ๖ ซึ่งสามารถรู้เห็นเรื่องเหล่านี้ได้ แล้วก็บอกกล่าวสืบ ๆ กันมา จนกลายเป็นเรื่องที่แต่ละชาติแต่ละภาษามีตำนานของตนเอง แต่กลับมีความคล้ายคลึงกันอย่างไม่น่าที่จะเป็นไปได้