เรื่องพวกนี้เราทั้งหลายต้องค่อย ๆ สะสมประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ เมื่อถึงเวลามีประสบการณ์มากขึ้น ความรอบคอบก็จะมีมากขึ้นไปตามลำดับ ทำให้จิตใจของเรามีความละเอียดขึ้น มีสติรู้ระมัดระวังมากขึ้น
แม้ว่าเรื่องของผีเรื่องของเทวดา เขาจะไม่มีการโกหก แต่ก็มีการทดสอบอารมณ์กันตามปกติ ถ้าหากว่าเราพลาดก็คือต้องยอมรับว่าเราพลาด จะไปโกรธ ไปเกลียด ไปโมโห ใครก็ไม่ได้ เพราะว่าตัวเราโง่เอง เมื่อถึงเวลาพลาดแล้ว คราวหน้าก็ต้องแก้ตัวใหม่ มีการซักซ้อมอย่างนี้บ่อย ๆ อยู่ทุกวันทุกเวลา ขนาดนั้นก็ยังต้องระมัดระวังอยู่เสมอว่าอาจจะมีการผิดพลาดได้ ไม่ใช่ว่าถึงเวลาเจริญกรรมฐานก็ไม่ค่อยจะมากัน
กระผม/อาตมภาพสรุปได้ว่า ท่านทั้งหลายที่ทิ้งการสวดมนต์ ทำวัตร เจริญกรรมฐานนั้น ท่านยังไม่เข็ด เนื่องเพราะว่าถ้าเข็ดจากการที่โดน รัก โลภ โกรธ หลง กระหน่ำตีจนไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ท่านทั้งหลายก็จะต้องเพียรพยายามบำเพ็ญภาวนา รักษาอารมณ์ใจของตน อย่างน้อยต้องให้ทรงปฐมฌานละเอียดได้ ถึงจะพ้นจาก รัก โลภ โกรธ หลง ได้ชั่วคราว ไม่เช่นนั้นแล้วก็ต้องทนลำบากอยู่ทุกวันแบบนี้
แต่ในเมื่อท่านยังไม่เข็ด ท่านยังไม่กลัว ยังคงทำตัวตามสบาย กระผม/อาตมภาพก็ปล่อยให้ตามสบายของท่าน ประมาณว่า "เอ็งไม่ทำ ข้าทำเองก็ได้" ส่วนทำแล้วใครจะได้ผลอย่างไรนั้นก็เหมือนกับกินข้าว ก็คือเรากินเราอิ่ม ส่วนใครจะหิวก็ช่างหัวมัน..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2024 เมื่อ 02:43
|