ดูแบบคำตอบเดียว
  #6  
เก่า 08-06-2024, 00:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,712
ได้ให้อนุโมทนา: 158,648
ได้รับอนุโมทนา 4,491,103 ครั้ง ใน 36,321 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงบ่าย วันอาทิตย์ที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๗



เมื่อคืนใครอู้ ? หลวงพ่อไม่อยู่หน่อยเดียวอู้กันหมด ได้ยินว่าหนีไปดูคอนเสิร์ต เจอนักร้องที่ชอบมีการกรี๊ดดดด้วย..! อย่าทำบ่อย คนที่ไม่ได้ดูคอนเสิร์ตด้วยเขาจะหัวใจวายตาย..!

เรื่องของการปฏิบัติธรรม จุดที่สำคัญที่สุดก็คือสร้างสติให้เกิด ให้ตัวเราตื่นรู้อยู่ตลอดเวลา ทั้งหลับและตื่นมีสติรู้เท่ากัน ถ้าทำยังไม่ถึงจุดนี้ การปฏิบัติธรรมของเราแทบจะไม่มีผล เนื่องเพราะว่าสิ่งที่เราระมัดระวังรักษาเอาไว้ในช่วงกลางวัน จะไปหลุดหมดเกลี้ยงตอนกลางคืน

บางคนกิเลสงอกงามมากกว่าปกติอีก กลางวันระมัดระวังศีลทุกสิกขาบท แม้แต่มดยังพยายามที่จะเลี่ยงไม่เหยียบ กลางคืนเผลอหน่อยเดียว ฝันว่าเขาฆ่าเขาทั้งกองทัพเลย..! บางคนกลางวันสำรวมมาก แม้แต่เพศตรงข้ามยังไม่กล้ามองตรง ๆ กลางคืนฝันว่าปล้ำลูกชาวบ้านเขาไปเรียบร้อยแล้ว..!

นั่นคือการที่เราขาดสติ ถ้าหากว่าสติเราสมบูรณ์อยู่ หลับและตื่นจะมีความรู้สึกเท่ากัน หลับอยู่ก็รู้ว่าตัวเองตอนนี้กำลังหลับ หลายคนได้ยินเสียงตัวเองกรนด้วย..! เพียงแต่ว่าต้องรักษาเอาไว้ให้ต่อเนื่องตามกัน ถ้าเผลอสติหลุดไป เดี๋ยวสภาพจิตที่โดนเก็บกดมาตอนกลางวัน ก็จะไปอาละวาดอีก..!

บุคคลที่ทำได้คล่องตัวแล้วจึงได้ชื่อว่า พุทโธ คือ ผู้ตื่น ภัทเทกะรัตโต คือ ผู้มีราตรีอันเจริญ เพราะว่าสภาพจิตอยู่กับคุณงามความดีตลอดเวลา ไม่ปรุงแต่งไปในด้าน รัก โลภ โกรธ หลง ถึงเวลาสามารถควบคุมร่างกายได้ตลอดทั้งหลับและตื่น หลับอยู่ก็รู้ว่าตัวเองหลับ

ถ้าสังเกตตนเองตั้งแต่ต้น จะสังเกตว่าสภาพจิตของเรานั้น เหมือนกับดวงไฟที่ค่อย ๆ หรี่ลง หรี่ลง ไปเรื่อย จนถึงระดับหนึ่งที่ถ้าปล่อยมากกว่านั้นไฟนั้นก็จะดับ ผู้ปฏิบัติก็จะรักษากำลังใจหรือ "ล็อก" กำลังใจเอาไว้ตรงจุดนั้น

อาการภายนอกทั้งปวงเหมือนกับคนหลับ แล้วค่อนข้างจะหลับลึกด้วย เพราะว่าถ้าใช้การตรวจทางการแพทย์บางทีก็หาลมหายใจไม่เจอ หาชีพจรไม่เจอ

คราวนี้เมื่อเราทำได้ก็ต้องรักษากำลังใจเอาไว้ แล้วซักซ้อมบ่อย ๆ จนสามารถตั้งเวลาได้ตามที่ต้องการ ก็คือตั้งใจไว้ก็พอว่าต้องการพักผ่อนนานกี่ชั่วโมง ถึงเวลาร่างกายก็จะตื่นเองโดยอัตโนมัติ

ประสาทความรู้สึกจะกระจายออกไปจากศูนย์กลาง เคลื่อนไปจนถึงปลายมือปลายเท้า เมื่อรู้สึกตัวทั่วพร้อม ก็จะบอกตนเองว่า "ตื่นได้แล้ว ลืมตาขึ้น ลุกขึ้นนั่ง" ขั้นตอนต่าง ๆ ในความรู้สึกของเราจะช้ามาก เหมือนอย่างกับหุ่นยนต์ แต่คนภายนอกจะเห็นว่า เราลืมตาปุ๊บก็ลุกขึ้นปั๊บเลย..!

คนประเภทนี้สังเกตได้ง่าย ต่อให้ดึกดื่นเที่ยงคืนขนาดไหนก็ตาม ตื่นขึ้นมาไม่มีอาการง่วงเหงาหาวนอนเหมือนคนทั่วไป แล้วการพักผ่อนแบบนี้ พักน้อยก็เหมือนกับได้พักมาก เนื่องเพราะว่าคนทั่ว ๆ ไปร่างกายพัก แต่จิตใจฟุ้งซ่านไปเรื่อย สมองทำงานไปเรื่อย

ทางการแพทย์เขาตรวจสอบแล้วว่า เวลาหลับอยู่ก็จริง แต่ว่าดวงตากลอกไปมาตลอดเวลา จะใช้คำว่าอยู่ในภาวะความฝันก็ใช่ แต่ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมาก เหมือนกับคนที่ตื่นอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น..ถึงจะนอนไปทั้งคืน ลุกขึ้นมาแล้วก็รู้สึกเหนื่อย รู้สึกเพลีย เหมือนอย่างกับพักผ่อนไม่พอ เนื่องเพราะว่าเราพักแต่ร่างกาย จิตใจไม่ได้พักด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พิชวัฒน์ : 10-06-2024 เมื่อ 15:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา