วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเรียกว่า "วันซักผ้าแห่งชาติ" เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าทองผาภูมินั้น ฝนตกทั้งวันทั้งคืนไม่ยอมหยุด ผ้าผ่อนอื่น ๆ อย่างเช่นว่าจีวร หรือว่า สบง อังสะ สามารถที่จะซักได้ เนื่องเพราะว่าเมื่อปั่นหมาดแล้ว ใช้พัดลมเป่าช่วยก็พอที่จะแห้ง แต่บรรดาผ้าห่มทำอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะแห้งได้..!
ในเมื่อวันนี้เดินทางเข้าเมือง กระผม/อาตมภาพจึงขนมาทั้งหมด เพราะว่ามีเครื่องซักผ้าซึ่งใช้หยอดเหรียญอยู่ สามารถที่จะซักและอบแห้งได้ภายในครั้งเดียว ต้องถือว่าเหมาะที่จะใช้ที่ทองผาภูมิ แต่ว่าทองผาภูมินั้นไม่ได้มีบริษัทที่ทำเรื่องเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญอย่างเป็นทางการ นอกจากบางรายที่ตั้งเครื่องซักผ้าเอาไว้ บางทีก็โดนบรรดาเด็กวัยรุ่นไปงัดตู้บ้างอะไรบ้าง ทำให้เสียหายจนกระทั่งเข็ดกันไปตาม ๆ กัน..!
สำหรับวันนี้เมื่อเดินทางลงมาแล้ว ก็รู้สึกว่าบรรยากาศเหมือนกับคนละโลก เพราะว่าทางด้านล่างนั้นมีแดดเปรี้ยงจนแสบตา แม้ว่าจะมีแดดหลบบ้างเพราะว่าเมฆฝนมา ก็แค่ครึ้มชั่วคราวเท่านั้น ไม่ใช่ขมุกขมัวอยู่ทั้งวันทั้งคืนเหมือนกับทางทองผาภูมิ ซึ่งในสมัยที่กระผม/อาตมภาพไปดูงานที่ศูนย์วิจัยต้นน้ำแม่กลอง ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ประมาณปี ๒๕๓๒ นั้น ทางเจ้าหน้าที่กล่าวว่ามีเขตบัฟเฟอร์โซน ก็คือเขตรอยต่ออากาศอยู่แถว ๆ บ้านท่าทุ่งนา ต่อกับทางบ้านดงสักขึ้นมาบ้านลิ่นถิ่น บริเวณนั้นนอกจากจะเป็นเขตรอยต่ออากาศแล้ว ยังเป็นเขตรอยต่อของการแพร่พันธุ์พืชที่ไม่เหมือนที่อื่นอีกด้วย
คำว่า เขตรอยต่ออากาศ ก็คือ ถ้าหากว่าตั้งแต่ช่วงนั้นขึ้นไปถึงทองผาภูมิฝนตก ด้านล่างฝนก็ไม่ตก แต่ถ้าหากว่าด้านล่างตก ขึ้นไปถึงตรงจุดนั้น บรรยากาศเหมือนกับคนละโลก อาจจะแดดออก หรือไม่ก็แห้งสนิทไปเลยก็เป็นได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่อัศจรรย์อยู่เหมือนกัน สมัยก่อนก็ไม่ได้ขอเรียนวิชาโลกะวิทูกับหลวงพ่ออุตตะมะเสียด้วย ไม่เช่นนั้นก็คงพอที่จะรู้ว่า ทำไมทางน้ำทางลมบริเวณนั้นจึงไม่เหมือนกับที่อื่น ?
โดยเฉพาะต้นไผ่นั้น บริเวณนั้นมีการแพร่พันธุ์ข้ามกันในระหว่างไผ่สีสุกกับไผ่หนาม ซึ่งเป็นไผ่คนละพันธุ์กัน แต่ว่าไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นการผสมพันธุ์โดยพวกแมลงตามธรรมชาติ หรือว่าเกิดอะไรขึ้น ? ทำให้เป็นพันธุ์ที่เกิดใหม่ก้ำกึ่งกันขึ้นมาระหว่างทั้งสองสายพันธุ์ ใครที่ศึกษาเรื่องนี้ สามารถที่จะไปดูในบริเวณนั้นได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2024 เมื่อ 01:32
|