คราวนี้เราเพาะต้นกรรมฐานลงไป สูงขึ้นมาได้หนึ่งคืบ อยากให้โตเร็ว ๆ ก็ไปดึงยอด..จะรอดไหมนั่น..? ส่วนใหญ่ดึงขาดไปหลายต้นแล้ว..! ไม่มีวิธีลัด มัชฌิมาปฏิปทาเป็นทางตรงที่สุดแล้ว ต่อให้เชื่อมจิตก็ไม่ตรงเท่านี้..!
มัชฌิมาปฏิปทาไม่มี ๕๐ เปอร์เซ็นต์ด้วย เพราะว่าขึ้นอยู่กับแต่ละคน มัชฌิมาปฏิปทาของคนกรุงเทพฯ เดินสามก้าวก็ไกลไป นั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปแทน มัชฌิมาปฏิปทาของคนภาคอีสาน เดินจากกรุงเทพฯ กลับบ้าน ๗๐๐ กิโลเมตร..! เห็นหรือยังว่าต่างกันตรงไหน..? ขึ้นอยู่กับบารมีที่สั่งสมมา ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่กล่อมเกลาเรามา
ดังนั้น..ถ้าหากว่าปฏิบัติธรรมไป แล้วบอกตัวเองว่าไม่ไหวแล้ว อย่าเพิ่งเชื่อ ลองฝืนดูก่อน ต่ออีกนิด ถ้าต่อได้ แสดงว่าเมื่อครู่นี้กิเลสบอก ไม่ใช่ตัวเราบอก กิเลสบอกให้เราเลิกได้แล้ว พอเพียงแล้ว แต่ว่าตัวเราเอง เรารู้อยู่ เพราะฉะนั้น..ถ้าฝืนดูแล้วไปต่อได้เราก็ไปต่อ
แต่เต็มที่ก็อย่าให้เกินชั่วโมงครึ่ง - สองชั่วโมง เพราะถ้าร่างกายโดนบังคับมาก เดี๋ยวต่อไปจะไม่เอาด้วย เหมือนกับคนโหมทำงานมาก ๆ วันนี้ รุ่งขึ้นระบมจนคลานไม่ขึ้น..!
ถึงได้บอกว่าทุกอย่างต้องมีมัชฌิมาปฏิปทา การปฏิบัติธรรมนอกจากมีมัชฌิมาปฏิบัติทาแล้วยังต้องมีอุเบกขา พูดมาตั้งเยอะตั้งแยะ สรุปลงตรงนี้แหละ ฟังเสียจนจับจุดไม่ได้สักอย่าง..! เรามีหน้าที่ทำ จะได้หรือไม่ได้ จะเป็นหรือไม่เป็นช่างมัน จะเป็นตอนไหนก็ช่างมัน ปลูกต้นไม้อย่าไปดึงยอด เดี๋ยวต้นไม้ตาย..!
เรามีหน้าที่อย่างเดียว คือตั้งหน้าตั้งตาดูแลต้นไม้นั้นไป ดูแลด้วยศีล ดูแลด้วยสมาธิ ดูแลด้วยปัญญา ส่วนจะออกดอกออกผลเมื่อไรว่ากันทีหลัง ขอให้ได้ทำ ถ้าทำแล้วผลเกิดแน่ เพียงแต่จะเกิดเมื่อไรขึ้นอยู่กับของเก่าด้วย ของเก่าสะสมไว้เยอะ..เติมใหม่นิดเดียวเต็มแล้ว..ผลก็เกิดเร็ว ของเก่าสะสมไว้น้อยหรือไม่มีเลย..ทำไปแทบทั้งชาติยังไม่ได้เจออะไร..แต่อย่าน้อยใจ..ต้องมั่นใจว่า "ทำดีต้องได้ดี"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-06-2024 เมื่อ 01:17
|