ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 06-06-2024, 21:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,544 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กำลังใจของเราส่วนใหญ่ถ้าไม่ไปหวนหาอดีต ก็จะฟุ้งซ่านถึงอนาคต ไม่ว่าจะไปอดีตหรือว่าอนาคต ล้วนแล้วแต่พาให้เราทุกข์ทั้งสิ้น

แต่ก็ยังมีบุคคลเป็นจำนวนมากที่นิยมสร้างความทุกข์ให้กับตัวเอง ขยันคิด..จะคิดไปทำอะไร..? แม้กระทั่งพระของเราก็ขยันคิด "เดี๋ยวเราสึกนะ ทำงานอย่างนี้ ได้เงินเดือนเท่านี้ เดือนหนึ่งได้เท่านี้ ปีหนึ่งได้เท่านี้ เดี๋ยวสร้างบ้านสักหลัง ซื้อรถสักคัน แต่งงานมีลูกสักสองคน" ฟุ้งจนหมดแรง แล้วเริ่มต้นใหม่ "ถ้าเราสึกนะ..ฯ" วนอยู่แค่นี้

ของโยมก็เหมือนกัน ให้สังเกตตัวเอง เรื่องที่คิดมาก ๆ ก็วนอยู่ตรงนั้นเป็น "งูกินหาง" ไม่ได้ไปไหนหรอก "พายเรือในอ่าง" เหนื่อยเปล่า ๆ แต่ถ้าเรามีสติ เราก็ตัดวงจรความคิดนั้นทิ้งไป ด้วยการอยู่กับลมหายใจเข้าออก อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับตอนนี้ อยู่กับเดี๋ยวนี้ ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการรักษาอารมณ์ใจให้อยู่กับลมหายใจเข้าออก

ส่วนใหญ่แล้วพวกเราปฏิบัติธรรมกันมามาก แต่ว่ามักจะปฏิบัติผิดวิธี คำว่าผิดวิธีในที่นี้ก็คือ ส่วนใหญ่พอลุกขึ้นก็เลิกเลย เป็นคนตรงเวลาดีมาก..! ปฏิบัติธรรมมาทั้งวัน รักษาอารมณ์ใจอย่างเต็มที่ ลุกขึ้นทิ้งเกลี้ยง..! รัก โลภ โกรธ หลง เต็มหัวเหมือนเดิม แล้วจะมีประโยชน์อะไร..? นอกจากทำให้รู้ว่าตัวเองกิเลสมาก..!

ถ้าจะปฏิบัติธรรมให้เกิดผล สำคัญตรงที่ว่าเราจะต้องรักษาอารมณ์ใจในการปฏิบัติเอาไว้ให้ได้ ทำอารมณ์ใจสูงสุดเท่าไร เราใช้สติประคับประคองรักษาอารมณ์นั้นไว้ ใหม่ ๆ ก็อยู่กับเราแค่ไม่กี่นาทีก็พังหมดแล้ว แต่ถ้าตั้งหน้าตั้งตาพยายามรักษาไว้ ก็จะได้มากขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็น ๕ นาที ๑๐ นาที ๑๕ นาที ๒๐ นาที ๓๐ นาที ๑ ชั่วโมง ๒ ชั่วโมง ยิ่งสภาพจิตของเราห่างจาก รัก โลภ โกรธ หลง เท่าไรก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น

แต่อย่าไปยินดีแค่นั้น เพราะว่านั่นเป็นการพ้นทุกข์ชั่วคราวด้วยอำนาจของสมาธิเท่านั้น จะพ้นทุกข์ถาวรต้องอาศัยการพิจารณาวิปัสสนาญาณ พอใจเรานิ่ง ใจเราสงบแล้ว ก็พยายามมาพินิจพิจารณา โดยเฉพาะพิจารณาร่างกายของเรานี้

ถ้าเห็นอย่างชัดเจนว่าร่างกายนี้ไม่เที่ยงอย่างไร ? เป็นทุกข์อย่างไร ? ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเราอย่างไร ?
ก็จะมองเห็นชัดว่าร่างกายคนอื่นก็เป็นอย่างนี้ ร่างกายสัตว์อื่นก็เป็นอย่างนี้
ถ้าหมดความอยากได้ใคร่ดีในร่างกายตัวเองลงไปเมื่อไร ก็ไม่อยากได้ร่างกายคนอื่นด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-06-2024 เมื่อ 01:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา