สาเหตุที่พูดนั้นก็เพราะว่า ตอนนั้นพระชื่อดังซึ่งยังไม่สึกหาลาเพศ แถมยังไปร่วมขบวนประท้วงทางการเมืองอยู่ จะกราบแม่ทุกวันเกิด กระผม/อาตมภาพก็บอกว่า "ท่านกำลังส่งแม่ลงนรก" เนื่องเพราะว่าอันดับแรก พระเราเป็นอุดมเพศ ศีลมากกว่าหลายเท่า ไปกราบบุคคลที่มีแค่ศีล ๕ นอกจากจะสร้างโทษใหญ่ให้กับผู้ที่ถือแค่ศีล ๕ หรือศีล ๕ ไม่ครบแล้ว อันดับแรกเลย ตนเองก็ยังมีโทษ เนื่องเพราะว่าไม่เอื้อเฟื้อในพระวินัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้บัญญัติเอาไว้ ซึ่งพระองค์ท่านระบุเอาไว้ชัดว่าพระภิกษุของเราไม่ควรกราบไหว้บุคคลใดบ้าง
แล้วอดีตพระชื่อดังรูปนั้นก็อ้างว่า "พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก" ทำไมจะกราบไม่ได้ ? ฟังดูเหมือนใช่ แต่ไม่ใช่ เพราะว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสว่าพ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก ท่านตรัสแค่ว่า "บิดามารดาเป็นพรหมของบุตร" ก็คือเป็นผู้ที่ให้ความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาต่อลูก ๆ เหมือนกับพรหม
คำว่า "พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก" มาจากพระพุทธศาสนามหายาน แล้วก็ไม่ใช่พระพุทธศาสนามหายานแท้ด้วย น่าจะมาจากลัทธิเต๋า เกิดจากการที่ชายหนุ่มผู้หนึ่งตั้งใจแสวงหาพระอรหันต์ เพื่อที่จะขอศึกษาความรู้ แล้วก็เลยทิ้งแม่คนเดียวไว้กับบ้าน เดินทางเสาะแสวงหาพระอรหันต์ ไปต่างบ้านต่างเมืองหลายต่อหลายเมืองด้วยกัน
จนกระทั่งวันหนึ่งได้พบบุคคลที่เขาเชื่อว่าเป็นพระอรหันต์ บุคคลนั้นกล่าวว่า "เราไม่ใช่พระอรหันต์ แต่ว่าที่บ้านของท่านเองมีพระอรหันต์อยู่แล้ว" ชายหนุ่มก็สอบถามว่า "มีอะไรเป็นข้อสังเกตถึงพระอรหันต์รูปนั้นบ้าง ?" บุคคลที่เขาร่ำลือว่าเป็นพระอรหันต์ตอบว่า "บุคคลนั้นจะใส่รองเท้ากลับข้าง และใส่เสื้อกลับตะเข็บ"
ด้วยความดีใจว่าเดินทางไปหลายบ้านหลายเมือง เสียเวลาไปเนิ่นนานยังไม่ได้พบพระอรหันต์ แต่ที่หมู่บ้านตัวเองมีพระอรหันต์อยู่แล้ว เขาก็รีบเดินทางกลับบ้าน ปรากฏว่าเมื่อไปถึงบ้านเป็นเวลาค่ำคืนแล้ว ไปเคาะประตูเรียกแม่ แม่ที่เข้านอนแล้วก็รีบร้อนคว้าเสื้อมาใส่ คว้ารองเท้ามาใส่ เปิดประตูมาหาลูก พอลูกเห็นเข้าก็ตกใจ ก้มลงกราบเท้าแม่ เพราะว่าแม่ใส่เสื้อกลับตะเข็บและใส่รองเท้ากลับข้าง ด้วยความดีใจที่ลูกจะมา รีบร้อนออกมาหาลูก ไม่ทันสังเกตว่าตัวเองใส่เสื้อผิด ก็เลยทำให้คำว่า "พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก" นั้น กระจายมาถึงสังคมไทย แล้วก็ใช้กันผิด ๆ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2024 เมื่อ 02:14
|