ขณะนี้กระผม/อาตมภาพยืนอยู่เบื้องหน้าพระพักตร์ของพระประธานในพุทธมณฑล ก็คือองค์พระศรีศากยทศพลญาณประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ ซึ่งเป็นภาพประทับใจที่กระผม/อาตมภาพคงจะจดจำไปไม่รู้ลืม
เนื่องเพราะว่าในช่วงที่เป็นพระใหม่อยู่ที่วัดท่าซุงนั้น เมื่อบวชไประยะหนึ่ง บรรดารุ่นปู่ รุ่นพ่อ รุ่นพี่ ก็พากันสึกหาลาเพศเสียหลายรูป ไม่ว่าจะเป็นหลวงตามหาแสวง ญาณสังวโรก็ดี หรือว่าหลวงพี่พรสรรค์ ตลอดจนกระทั่งหลวงพี่ชัยศรี ที่พวกเราจะคิดว่าเป็นองค์แทนพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ก็สึกหาลาเพศไป ยามค่ำคืน กระผม/อาตมภาพนอนกอดจีวรด้วยความรู้สึกว่า ใครก็อย่าหวังว่าจะมาแย่งจากเราไปเป็นอันขาด..!
แล้ววันหนึ่ง เมื่อเจริญพระกรรมฐานที่ตึกธัมมวิโมกข์ข้างตึกกลางน้ำแล้ว ขากลับกระผม/อาตมภาพได้เดินผ่านมา ยกมือไหว้ไปที่ตึกกลางน้ำ ซึ่งเป็นที่พักของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ อยู่ พร้อมกับนึกในใจว่า "หลวงพ่อครับ หน้าอย่างผมนี่จะอยู่ในผ้าเหลืองไปได้ตลอดรอดฝั่งไหมครับ ?"
ทันทีที่คิดเสร็จ บริเวณทั้งหลายทั้งปวงรอบข้างก็เหมือนกับว่างโล่งไปหมด สามารถมองไปจนถึงขอบจักรวาล มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในปางพุทธลีลา แบบเดียวกับองค์ประธานพุทธมณฑลนี้ พระหัตถ์ซ้ายจูงแขนขวาของกระผม/อาตมภาพ พระหัตถ์ขวาชี้ไปยังที่ไกล เห็นจุดสีทองลิบ ๆ วับ ๆ อยู่ พร้อมกับตรัสว่า "ตรงนั้นคือพระนิพพานนะลูก ไปให้ถึงนะ" เมื่อพระองค์ท่านตรัสเสร็จแล้ว ภาพทุกอย่างก็กลับคืนมาตามปกติ
กระผม/อาตมภาพเองปลื้มอกปลื้มใจเหมือนจะลอยได้ทั้งตัว ด้วยความรู้สึกว่า "ผู้ปฏิบัติธรรมที่ไม่เอาไหนอย่างเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังอุตส่าห์เมตตาปรากฏพระองค์มาชี้ทางให้" เมื่อกลับถึงกุฏิที่พัก จึงได้แต่งกลอนเอาไว้บทหนึ่งว่า
"หนทางแม้สุดไกล ขอมุ่งไปกว่าจะถึง
ยากเข็ญมิคำนึง ถึงทุกข์ทนสักเพียงไร
เดินตามรอยเท้าพ่อ มั่นคงต่อธรรมวินัย
พ่อชี้หนทางใด จักมุ่งไปไม่ลังเล
จิตมั่นด้วยศรัทธา ทุกเวลามิหันเห
ผู้ใดจะรวนเร มิซวนเซตามเขาไป
พ่อนำทางให้ลูก มีแต่ถูกลูกมั่นใจ
ขอเดินตามพ่อไป ตราบจนถึงซึ่งนิพพาน"
ความรู้สึกตอนนั้นมั่นคงขนาดนี้จริง ๆ ก็คือไม่ว่าจะเหนื่อยยากหรือว่าลำบากสักเพียงใดก็ตาม ขึ้นชื่อว่าความเพียรพยายามเพื่อพระนิพพานนั้น จักไม่มีวันเคลื่อนวันคลายไปจากใจของตนเองเลย..!
โดยเฉพาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปางพุทธลีลานั้น มาภายหลังพระองค์ท่านตรัสว่า พระองค์ท่านก็คือสมเด็จพระกัสสปทศพลสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ ๓ ภายในภัทรกัปนี้ เป็นผู้ที่เลิศไปด้วยลาภพระองค์หนึ่ง กระผม/อาตมภาพจึงเคยชินกับการจับภาพของพระองค์ท่านเป็นกรรมฐานตลอดมา
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 03-06-2024 เมื่อ 00:20
|