ข้อที่ ๓ คือ ก็คืออาชีวปาริสุทธิศีล ความบริสุทธิ์ของศีลในการเลี้ยงชีพในทางที่ชอบธรรม อย่างเช่นว่าพระภิกษุสามเณรของเราก็คือ เลี้ยงชีพด้วยการบิณฑบาต ญาติโยมจะให้ภัตตาหารที่หยาบหรือว่าละเอียด หรือว่าประณีตไม่ประณีตอย่างไรก็ตาม เราก็รับมาและบริโภคเพื่อรักษาธาตุขันธ์นี้เอาไว้สำหรับปฏิบัติธรรม สำหรับช่วยสร้างความเจริญให้กับพระพุทธศาสนาเท่านั้น
ตรงจุดนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ สั่งสอนพระภิกษุสามเณรทุกรูปภายในวัดท่าซุงเป็นประจำอยู่แล้ว ก็คือให้ทุกคนบิณฑบาตเป็นปกติ และพยายามที่จะพิจารณาในอาหาเรปฏิกูลสัญญา ก็คือเห็นว่าอาหารทุกอย่างมีพื้นฐานมาจากความสกปรก เมื่อฉันหรือว่ารับประทานเข้าไป ก็ก่อให้เกิดร่างกายที่สกปรกนี้ แต่ว่าเราต้องฝืนกินหรือว่าฉันเข้าไป เพื่อที่จะรักษาร่างกายนี้ไว้ปฏิบัติธรรมเท่านั้น
การที่พวกกระผม/อาตมภาพประพฤติปฏิบัติมาเป็นปกติ แต่เมื่อถึงเวลาอยู่ในสายตาคนอื่น อย่างเช่นว่าคุณนวลจันทร์ เพียรธรรม ประธานคณะกรรมการบริษัทเอ็นซีทัวร์ ซึ่งจัดการเดินทางไปต่างประเทศให้กระผม/อาตมภาพและคณะหลายครั้ง ถึงกับออกปากว่า "หลวงพ่อเล็กเป็นพระที่ฉันง่ายที่สุดในโลก"
แล้วในที่สุด แค่ในการสำรวมในเรื่องของข้าวปลาอาหารแค่นี้ ก็ทำให้คุณนวลจันทร์เกิดความศรัทธา ปวารณาว่า ไม่ว่ากระผม/อาตมภาพและคณะจะเดินทางไปประเทศไหนในโลกก็ตาม จะขอตามไปเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ทุกด้าน ต่อให้ต้องจ่ายค่าเดินทางเองก็ยินยอม..!
ข้อสุดท้ายนี้ไม่ใช่แต่พระเท่านั้นที่จะปฏิบัติ หากแต่ญาติโยมก็ปฏิบัติได้ ก็คือข้อที่ ๔ ปัจจัยสันนิสิตศีล คือการพิจารณาก่อนจะใช้ปัจจัย ๔ ถ้าหากว่าเป็นของพระ คือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และเภสัชรักษาโรค แต่ว่าในส่วนของญาติโยมทั้งหลาย เราก็ต้องคิดถึงอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค เป็นต้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-05-2024 เมื่อ 01:58
|