ตรงจุดนี้กระผม/อาตมภาพนั้นถือว่าโชคดี เนื่องเพราะว่าถึงเวลา ก็รบกวนให้พลขับเข้าไปซื้อหาอาหารมาฉันในระหว่างเดินทาง โดยที่ตนเองไม่พยายามที่จะเฉียดใกล้เข้าไป ก็ถือว่ารอดตัวไปได้
เนื่องเพราะว่าอโคจรสถาน คือ สถานที่ซึ่งไม่สมควรไปของพระภิกษุสามเณรนั้น ในปัจจุบันนี้มีมากขึ้น ก็คือเป็นสถานที่ที่ทำให้คนเข้าใจผิดถึงอาจาระ คือ ความประพฤติปฏิบัติส่วนตัวของพระภิกษุสามเณรรูปนั้นได้ เข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อหาสิ่งของในช่วงบ่าย ช่วงค่ำ จะทำให้เขาระแวงว่า "ท่านซื้อข้าวปลาอาหารไป เพื่อฉันในเวลาวิกาลหรือเปล่า ?" เป็นต้น
อีกส่วนหนึ่งที่กล่าวว่า สิกขาสาชีวะสะมาปันโน ก็คือถึงพร้อมด้วยสิกขา คือ ศีล และ อาชีวะ คือ การครองชีพ ในที่นี้ของพระเรา ถ้าจะกล่าวถึงก็ต้องกล่าวถึงปาริสุทธิศีล คือความบริสุทธิ์ของศีล อันเป็นเหตุให้เกิดความบริสุทธิ์ในความประพฤติปฏิบัติ กาย วาจา ใจ ของตนไปด้วย ซึ่งมีอยู่ ๔ ประเภท ได้แก่
ข้อที่ ๑ ปาฏิโมกขสังวรศีล ก็คือการสำรวมในศีลตามเพศภาวะของตน อย่างเช่นว่าฆราวาสทั่วไปก็สำรวมในศีล ๕ อุบาสกอุบาสิกาก็สำรวมในศีล ๘ สามเณรก็สำรวมในศีล ๑๐ พระภิกษุก็สำรวมในศีล ๒๒๗ เป็นต้น ก็คือไม่พยายามละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล
ข้อที่ ๒ คืออินทรียสังวรศีล ซึ่งเป็นส่วนที่กระผม/อาตมภาพ ในตอนแรกเห็นว่ายากที่สุด เพราะว่าเราจะต้องระมัดระวัง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของเรา เมื่อถึงเวลาตากระทบรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส และใจครุ่นคิด ทำอย่างไรที่จะไม่ให้เกิด รัก โลภ โกรธ หลง ขึ้นมาได้
เชื่อว่าสำหรับท่านที่เป็นนักปฏิบัติ ส่วนหนึ่งก็จะเกิดความหนักอกหนักใจตรงนี้เป็นอย่างยิ่ง แต่กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกกับท่านทั้งหลายว่า แค่ท่านพยายามสร้างสมาธิให้เกิด เอาเพียงระดับปฐมฌานละเอียดก็พอ ความแหลมคม ว่องไวของสติ กำลังในการหยุดยั้งของกำลังสมาธิ จะทำให้เราระมัดระวัง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ไว้ได้หมด ไม่ให้สิ่งไม่ดีไม่งาม ที่ก่อให้เกิด รัก โลภ โกรธ หลง เข้ามาสู่ใจของเราได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-05-2024 เมื่อ 01:56
|