ตอนนั้นหลวงพ่อโอ (พระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร) ที่พวกกระผม/อาตมภาพเรียกกันว่า "หลวงพี่โอ" ท่านเข้ามา แล้วก็ได้ยินเสียงท่านบ่นว่า "ท่านนี่เอาแต่ภาวนาจังเลยนิ" แล้วรู้สึกเหมือนท่านเอามือทิ่มหัวมาทีหนึ่ง ในลักษณะหยอก ๆ
แต่ปรากฏว่าร่างของกระผม/อาตมภาพลอยพ้นพื้นขึ้นมาประมาณ ๑ ฝ่ามือ โชคดีที่ว่าคลุมจีวรในลักษณะตีโปงนอนอยู่ จึงไม่เกิดอาการผิดสังเกตให้คนอื่นเห็น มีความรู้สึกว่า "เดี๋ยวก็ได้แตกตื่นกันทั้งวัดเท่านั้น..!" เพราะว่าการลอยครั้งก่อน ๆ นั้นไม่มีใครเห็น เนื่องจากว่าลอยอยู่เฉพาะในห้องของตนเอง จะลอยสักกี่ครั้งก็ปล่อยไป จนกระทั่งเต็มที่ก็เลิกไปเอง ปรากฏว่าพอรู้สึกเช่นนั้น ร่างกายก็ตกอยู่ในอาการค้าง ก็คือช่วงสูงจากพื้นแค่ประมาณคืบเดียวเท่านั้น..!
แต่ปรากฏว่าตรงที่นิ้วของหลวงพ่อโอท่านจิ้มลงมานั้น มีบางสิ่งบางอย่างไหลซู่ออกไป เหมือนกับอย่างลมอย่างแรงที่ไหลออกเวลายางรถยนต์รั่ว แล้วหลังจากนั้นก็มีรูรั่วที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ รั่วไปทั้งตัว รู้สึกว่าตัวพองตัวใหญ่ แล้วมีสิ่งของไหลซู่ซ่าออกจากตัวไปจนหมด ด้วยความที่เคยชินแล้ว จึงรักษากำลังใจเอาไว้เกือบ ๒๐ นาที กว่าที่อาการรั่วอาการไหลทั้งหลายเหล่านั้น และอาการตัวพองตัวใหญ่จะลดลง แล้วก็กลับสู่พื้นตามปกติ
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าท่านมีวิสัยทางพุทธภูมิ คือปรารถนาจะเกิดเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก่อน ก็จะเจอจนกระทั่งครบ ๕ ประการด้วยกัน น้อยคนนักที่จะไม่เคยเจอ สมาธิจิตข้ามไปเป็นฌานเลยทีเดียว
ดังนั้น..ในเรื่องของปีติอาการอย่างที่เณรทำมานั้น ถ้าจัดไปแล้วก็อยู่ในส่วนของโอกกันติกาปีติ ไม่ใช่อุพเพ็งคาปีติ เพราะว่าอุพเพ็งคาปีตินั้นลอยแล้วก็ค้างอยู่กลางอากาศ แล้วก็สามารถลอยไปไกล ๆ จนคนเข้าใจผิดว่าเหาะได้ก็มี
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-05-2024 เมื่อ 00:45
|