ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 27-05-2024, 23:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,546 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพจึงปล่อยให้น้ำตาไหลตั้งแต่ตอนฝึกมโนมยิทธิประมาณเที่ยงครึ่ง ไปจนเกือบจะ ๕ โมงเย็น กว่าที่น้ำตาจะหยุดไหล บรรดาพี่ป้าน้าอาต่างก็ส่งกระดาษซับให้ เช็ดหน้าจนแสบไปหมด ถึงสามารถที่จะพ้นไปได้ ไม่เกิดอาการน้ำตาไหลในครั้งต่อ ๆ ไปอีก เพราะว่าปล่อยให้ "ขึ้น" จนเต็มที่แล้ว

ส่วนเรื่องของโอกกันติกาปีตินั้น มาเกิดตอนที่ฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง มีอาการดิ้นตึงตัง แล้วก็เอามือตบหน้าขาตนเอง จนกระทั่งเขียวช้ำไปหมด

ส่วนในเรื่องของอุพเพ็งคาปีตินั้น หลังจากที่บวชพระไปแล้ว เจริญพระกรรมฐานอยู่ มีความรู้สึกว่าวันนี้มีอะไรวูบ ๆ อยู่ข้างเอว จึงลืมตาขึ้นมาดู ไม่ทราบเหมือนกันว่า ร่างลอยขึ้นไปตั้งแต่เมื่อไร ? เอวอยู่ห่างจากพัดลมเพดานที่กำลังหมุนอยู่นิดเดียวเท่านั้น..! จึงทำให้ตกใจ จิตเคลื่อนจากสมาธิ หล่นลงมากระแทกพื้นเสียงดังตึงใหญ่..! ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ถือเป็นบทเรียนว่า ถ้าหากว่าเจริญพระกรรมฐาน ต้องปิดพัดลมเพดานเสียก่อน

พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านยังบอกว่า "อย่าลืมเอาสตางค์ใส่กระเป๋าไปด้วยนะ ถ้าแกลอยไปไกล ๆ แล้วจิตเคลื่อนตกลงมา ไม่สามารถที่จะลอยกลับได้ ต้องอาศัยรถกลับวัด เดี๋ยวจะไม่มีสตางค์ค่ารถให้เขา" แล้วท่านเองก็หัวเราะชอบใจ..!

ส่วนผรณาปีตินั้น ตอนที่กระผม/อาตมภาพฝึกมาทั้งฌาน ๔ และสมาบัติ ๘ จนคล่องตัวแล้ว คิดว่าคงจะไม่ปรากฏอาการนี้ในชีวิตของเราแน่ แต่ปรากฏว่าวันนั้นกำลังนอนภาวนารักษาอารมณ์ใจอยู่ ที่บริเวณหน้าตึกริมน้ำ เพราะว่าทำหน้าที่เฝ้ายามให้ที่หน้าห้องพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่าน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-05-2024 เมื่อ 00:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา