ดูแบบคำตอบเดียว
  #6  
เก่า 24-05-2024, 09:43
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,585
ได้ให้อนุโมทนา: 319
ได้รับอนุโมทนา 75,807 ครั้ง ใน 3,733 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราทั้งหลายจึงได้มีประเพณีสืบ ๆ กันมา ก็คือ จะมีการทำบุญใส่บาตร ซึ่งเป็นการให้ทาน ตัดความโลภในจิตในใจของเรา มีการสมาทานรักษาศีล เพื่อเป็นการหักห้ามความโกรธในจิตในใจของเรา มีการฟังเทศน์ฟังธรรม น้อมนำเอาส่วนที่เหมาะที่ควรแก่กำลังใจของเราในตอนนั้น ไปประพฤติปฏิบัติให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง เป็นการสร้างเสริมปัญญาของเรา

ก็แปลว่า โบราณนั้นท่านกำหนดวันวิสาขบูชาขึ้นมา เพื่อที่ให้เราท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติใน ศีล สมาธิ และปัญญา ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเอาไว้ โดยที่มีพระองค์ท่านเป็น "เนติ" คือ แบบอย่างที่ดีที่สุดว่า พระองค์ท่านก็ยังดับขันธปรินิพพาน ขึ้นชื่อว่าปุถุชนอย่างเราที่จะไม่ตายนั้นไม่มี

ดังนั้น..เราทั้งหลาย ผู้เป็นสาวกขององค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงควรที่จะยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม ตามที่พระองค์ท่านตรัสเอาไว้เป็น "ปัจฉิมวาจา" คือ คำพูดสุดท้าย ที่ว่า "ขึ้นชื่อว่าสังขาร ย่อมมีการเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด"


ญาติโยมทั้งหลายที่มาบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันวิสาขบูชา ณ วัดท่าขนุนแห่งนี้ ท่านทั้งหลายก็ได้ปฏิบัติตามที่สมเด็จพระชินสีห์ได้เมตตาสั่งสอนเอาไว้ ๒,๕๖๗ ปีล่วงไปแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วดับขันธปรินิพพานในวันนี้ เราท่านทั้งหลายจะอยู่อีกกี่วันก็ไม่แน่ จึงควรที่จะสั่งสมคุณงามความดี ในศีล ในสมาธิ ในปัญญา ให้มากเข้าไว้ ถ้าวาสนาบารมีถึง เราจะได้ล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ถ้าตราบใดที่ยังไม่ถึงพระนิพพาน ก็ขอให้ทางแห่งการเวียนว่ายตายเกิดของเราท่านทั้งหลายนั้น สั้นลงที่สุดเท่าที่จะสั้นได้ เพื่อที่เราจะได้พบกับความทุกข์น้อยที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-05-2024 เมื่อ 10:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา