ประการที่สอง โลหศาสตร์นั้น ปัจจุบันนี้การหล่อพระพุทธรูปโลหะ มักจะเป็นทองเหลืองล้วน แต่ว่าเนื้อหาของพระพุทธรูปชุดนั้น โดยเฉพาะองค์ใหญ่เป็นสัมฤทธิ์ สัมฤทธิ์คือโลหะผสม ซึ่งได้รับศรัทธาจากญาติโยมต่าง ๆ เสียสละโลหะที่ตนเองมีอยู่ บางอย่างก็เป็นข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน เป็นข้าวของที่บรรพบุรุษตนเองเคยใช้งานมา อยากจะได้บุญได้กุศลสำหรับตนเองและบรรพบุรุษ ก็เสียสละเพื่อนำไปหล่อพระ
ในเมื่อโลหะหลาย ๆ อย่างมารวมกัน ถ้าครบถ้วนตามสูตรก็เป็นนวโลหะบ้าง สัตตโลหะบ้าง ปัญจโลหะบ้าง แต่ถ้าหากว่าไม่ครบตามนั้น เรียกรวม ๆ กันว่าสัมฤทธิ์ หรือว่าสามฤทธิ์ คืออย่างน้อยต้องเป็นโลหะสามชนิดรวมกัน
แล้วถ้าถามว่าทำไมพระองค์นั้นถึงไม่ขึ้นสนิม ? กระผม/อาตมภาพคาดว่า น่าจะมีส่วนผสมหลักคือทองคำและเงินจำนวนมาก เนื่องเพราะว่าโลหะทั้งสองชนิดนี้ ทนทานต่อการสึกกร่อนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะทองคำ ในเมื่อมีส่วนผสมเหล่านี้มาก โอกาสที่สนิมจะขึ้นองค์พระก็มีน้อย ดังนั้น..ถ้าหากว่าจะให้ใช้คำพูดที่ถูกต้อง ก็คือเนื้อสัมฤทธิ์แก่ทองคำ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ สามารถที่จะพิสูจน์ได้
แล้วหลายท่านอาจจะว่า ทำไมพระพักตร์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระพุทธรูปองค์ใหญ่นั้น ถึงได้คมชัดขนาดนั้น ? คาดว่าผู้ที่ทำการหล่อ น่าจะเป็นช่างฝีมือระดับช่างหลวงเลย..!
แล้วโดยเฉพาะองค์พระนั้น มีรอยต่อที่เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นเทคนิคการหล่อโลหะของพระพุทธรูปองค์ใหญ่สมัยเก่า ไม่เหมือนกับสมัยนี้ที่มีเทคนิคในการสำรอกขี้ผึ้ง สามารถที่จะหล่อพร้อมกันทั้งองค์ได้ ไม่ต้องนำไปต่อกันทีหลัง เนื่องจากว่าปัจจุบันนี้เครื่องทุ่นแรงมีมาก พระพุทธรูปหนักหลาย ๆ ตันก็สามารถที่จะยกได้
สมัยก่อนเทคนิคการหล่อก็สู้ไม่ได้ เครื่องมือในการยกก็มีน้อย ถึงจะมีรอก ส่วนใหญ่ก็จะใช้ไม้เป็นเสารอก ก็ทำให้รับน้ำหนักได้น้อยไปด้วย จึงต้องหล่อพระพุทธรูปแบบแยกชิ้นส่วน แล้วนำไปเชื่อมต่อกันภายหลัง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-05-2024 เมื่อ 02:05
|