วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ บรรดานาคทั้งหลายก็กำลังขัดเกลาตนเอง เพื่อให้มีความคล่องตัวที่สุด ในการจะเข้าพิธีบรรพชาอุปสมบทในวันวิสาขบูชานี้
สิ่งที่วัดท่าขนุนของเราทำนั้นก็คือ เพื่อให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย เนื่องเพราะว่าการบรรพชา หรือว่าอุปสมบท เป็นเรื่องของกุลบุตร ที่จะต้องนำผ้ากาสาวพัสตร์ เข้าไปร้องขอในท่ามกลางสงฆ์ ขอให้ยกตนเองขึ้นเป็นอุปสัมบันด้วย
ในเมื่อเราเป็นผู้ร้องขอก็ต้องว่าเอง ไม่ใช่ให้คนอื่นสอน แล้วก็ไม่ใช่ว่าอย่างชนิดที่กระซิบกันแค่สองคน เพราะว่าเราร้องขอต่อคณะสงฆ์ แปลว่าพระทุกรูปในสังฆกรรมนั้นต้องได้ยินทั่วถึงกันหมด ดังนั้น..เรื่องพวกนี้เราจึงจำเป็นที่จะต้องซักซ้อมให้คล่องตัวเอาไว้ ขั้นตอนต่าง ๆ พอที่จะบอกกันได้ ว่าต่อไปทำอะไร แต่การกล่าวคำขอบรรพชาอุปสมบทในแต่ละขั้นตอนนั้น พวกเราต้องว่ากันเอง..!
ส่วนใหญ่แล้วในสมัยนี้พระอุปัชฌาย์อาจารย์ก็มักจะบอก เพื่อให้เรา "ว่าตามเป็นนกแก้วนกขุนทอง" โดยที่ไม่ได้รู้เสียด้วยซ้ำไป ว่าสิ่งที่ว่าไปนั้นแปลว่าอะไร อย่างที่พวกเราว่า สัพพะทุกขะนิสสะระณะ นิพพานัสสะ สัจฉิกะระณัตถายะ เอตัง กาสาวัง คะเหตวา เป็นต้น แปลว่า เรานำเอาผ้ากาสาวพัสตร์นี้มา เพื่อความพ้นจากทุกข์ทั้งปวง เพื่อกระทำแจ้งซึ่งพระนิพพาน แปลว่าเมื่ออุปสมบทเข้ามาแล้ว ทุกอย่างที่เราทำ ก็คือเพื่อการหลุดพ้น สิ่งที่เราจะหลุดพ้นได้ ก็คือเดินไปตามมรรค ๘ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสอนเอาไว้ ซึ่งย่อลงมาแล้วเหลือไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา
เรื่องพวกนี้ไม่มีใครช่วยเราได้ ต้องพากเพียรด้วยตนเอง ครูบาอาจารย์ ตลอดจนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเพียงผู้บอกกล่าว เป็นเพียงผู้ชี้ทาง ถ้าบอกแล้วเราไม่ทำตาม ชี้แล้วเราไม่เดินไป ก็ไม่มีใครสามารถที่จะช่วยพวกเราได้
อย่าลืมพุทธภาษิตที่ว่า อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน เมื่อตัดสินใจบวชเข้ามาแล้ว ถ้าหากว่าอยู่ต่อ ขอให้สามารถเป็นหลักชัยในพระพุทธศาสนาได้ ถ้าสึกหาลาเพศออกไป ก็ขอให้เราแบกเอาบุญเอากุศลไปให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2024 เมื่อ 02:23
|