โดยพระสายวัดป่าท่านใช้คำว่า "ธรรมะอยู่ฟากตาย" อยากได้ดีต้องสู้ยันตาย แต่ถ้าสู้แบบคนไร้ปัญญาก็ตายฟรี..! จึงต้องรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว ทำอย่างไรที่จะรักษาสถานภาพความเป็นภิกษุของเราให้อยู่รอด ไม่ใช่ฉันเช้าแล้วเอน ฉันเพลแล้วนอน ตอนบ่ายพักผ่อน ตอนค่ำจำวัด ถ้าลักษณะนั้น อย่าบวชมาเลย ลงนรกเสียเปล่า ๆ..!
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าท่านมีจิตสำนึกว่าเราบวชมาเพื่อละกิเลส มีสมณสัญญา ระลึกรู้ว่าตอนนี้เราเป็นพระภิกษุสามเณร ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา เพราะว่า กาย วาจา ใจ ของเรา จะดำเนินไปในกรอบของศีล ของสมาธิ ของปัญญา แต่ถ้าขาดความรู้สึกตัว ลืมความตั้งใจว่าเราบวชมาเพื่อละกิเลส ก็จะกลายเป็นบวชมาเพื่อสะสมกิเลส..!
อย่างที่กระผม/อาตมภาพเจอมามากต่อมากด้วยกัน แรก ๆ ก็ตั้งใจทำเพื่อพระพุทธศาสนา ทำเพื่อวัดวาอาราม นาน ๆ ไปก็ออกนอกแนวทาง กลายเป็นบำรุงบำเรอตัวเองให้มีความสุข ต้องอยู่กุฏิดี ๆ ต้องมีห้องนอนดี ๆ ต้องติดเครื่องปรับอากาศ บางท่านรู้สึกภูมิใจมาก นิมนต์กระผม/อาตมภาพเข้าไปดูยันห้องนอน แค่ผ้าม่านรอบห้องนอน กระผม/อาตมภาพมั่นใจว่าราคาเกินแสน..! แล้วซักเองไม่ได้แน่นอน ต้องจ้างเขา มีความจำเป็นอะไรที่เราต้องไปทำถึงขนาดนั้น ?
ถ้าท่านทั้งหลายดูกระผม/อาตมภาพ จะเห็นว่าในห้อง แม้กระทั่งพัดลมยังไม่เอา ไม่ต้องพูดถึงเครื่องปรับอากาศ มีก็เสียคาอยู่ตรงนั้นแหละ..! เพราะไม่เคยใช้ ถ้าหากว่าเราทำตัวสบาย เราจะลำบากในภายหน้า เพราะว่าเรื่องของธรรมะ ไม่มีอะไรที่ได้มาง่าย ๆ ต้องอดทน อดกลั้น ต่อสู้ฟันฝ่าทุกวิถีทาง แต่ถ้าเราทำตัวลำบาก หนทางข้างหน้าจะง่ายขึ้น เพราะว่าความลำบากเหล่านี้ เราพบมาด้วยตนเองแล้ว
จึงเป็นเรื่องที่กระผม/อาตมภาพอยากจะเตือนท่านทั้งหลายที่ตั้งใจจะบวชเข้ามา ให้รู้ว่าเรากำลังลงทุน แล้วมีโอกาสลงนรกมากกว่าถึง ๙๐ เปอร์เซ็นต์ ต้องต่อสู้อย่างสุดชีวิต ถึงจะมีโอกาสรอดไปได้..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2024 เมื่อ 03:11
|