พวกเราวิ่งรถมาจนกระทั่งถึงบริเวณอุทยานแห่งชาติหวงหลง ซึ่งก็ยังอยู่ในเขตเมืองซงพานนั่นเอง อุทยานแห่งชาติหวงหลงนั้น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของประเทศจีน คุณไวมัคคุเทศก์ของเราพาไปซื้อตั๋วเข้าชมเสียก่อน โดยเฉพาะผู้ที่อายุ ๖๐ ปีขึ้นไปในคณะของเราซึ่งมีหลายคนได้รับสิทธิพิเศษ
เมื่อได้ตั๋วมาเรียบร้อยแล้ว พวกเราเข้าไปรับประทานอาหาร ในห้องอาหารของโรงแรมหลังมหึมา กระผม/อาตมภาพอ่านภาษาจีนไม่ออกเสียด้วย รู้อยู่อย่างเดียวว่า หรูหราจนกระทั่งถ้ามาเองก็ไม่กล้าเดินเข้ามาแล้ว..! กับข้าวอย่างแล้วอย่างเล่าก็ทยอยกันส่งเข้ามา
ขณะที่กระผม/อาตมภาพ พระครูโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร. ตลอดจนกระทั่งท่านต้นไม้ (พระครูสมุห์กรณ์พัฒน์) ก็นั่งอยู่ในวงล้อมของอุบาสก พูดง่าย ๆ ก็คือนั่งวงเดียวกันกับญาติโยมนั่นเอง เพียงแต่ว่าตักแบ่งอาหารกันออกมาจนเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือจึงยกให้กับญาติโยมทั้งหลายได้กินไป
ครั้นเสร็จสรรพจากมื้ออาหาร ไปเข้าห้องน้ำกันแล้ว พวกเราก็อาศัยบันไดขึ้นห้องอาหารเป็นที่ถ่ายรูปหมู่ เนื่องเพราะเกรงว่าถ้าวันนี้เดินมากแล้ว จะหมดสภาพ หน้าตาดูไม่ได้ ต่อไปก็ไม่รู้จะหลอกให้ใครให้มาได้อีก..! จากนั้นพวกเราก็เดินไปเพื่อที่จะขึ้นกระเช้าลอยฟ้า ขึ้นไปยังยอดเขาอุทยานแห่งชาติหวงหลง ซึ่งกระเช้านั้นนั่งได้คันละ ๘ คน ปรากฏว่าวิ่งผ่านดงสนภูเขาไป คล้าย ๆ กับกระเช้าที่ขึ้นยอดเขาทิตลิส (Titlis) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เช่นกัน
ครั้นขึ้นไปถึงข้างบนแล้ว ก็ยังต้องรอคณะให้มาครบ แล้วคุณไวก็ไปซื้อตั๋ว เพื่อที่จะให้พวกเรานั่งรถไฟฟ้าเข้าไปในจุดใกล้ที่สุดของอุทยานแห่งชาติหวงหลง เมื่อไปถึงแล้ว พวกเราลงมารอจนคณะครบ ก็โดนมัคคุเทศก์ของเรา "เท" เอาดื้อ ๆ โดยที่คุณไวบอกให้พวกเราเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เดินหน้าถอยหลังไปตามเส้นทางที่พวกเราไม่เคยไป แล้วหลังจากนั้นก็บอกว่าไม่ไปด้วยแล้ว จะไปรอที่ทางออกข้างนอก..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 08:45
|