ครั้นพวกเราขึ้นรถแล้ว คุณไวซึ่งเป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่น พูดไทยชัดบ้างไม่ชัดบ้าง ต้องให้กระผม/อาตมภาพแปลไทยเป็นไทยให้พวกเราฟัง ได้บอกว่า "จิ่วไจ้โกว" นั้นแปลว่า "๙ หมู่บ้าน" ซึ่งประกอบไปด้วยหมู่บ้านคนทิเบตเผ่าเชียง ๙ แห่งด้วยกัน แต่ว่าที่อยู่ด้านนอกใกล้ถนน ซึ่งเราจะผ่านนั้นมีแค่ ๓ แห่งเท่านั้น
ลักษณะพื้นที่อุทยานเหมือนกับตัว y ดังนั้น พวกเราจะออกขวามือไปก่อน เพื่อที่จะวิ่งไปถึงด้านบน โดยที่คนอื่นยังไปไม่ถึง เพราะว่าเขาจะจอดชมกันตั้งแต่ด้านล่าง พวกเราจึงได้วิ่งยาวขึ้นไป จนกระทั่งถึงทะเลสาบกระจก ซึ่งกระผม/อาตมภาพเห็นว่าเป็นส่วนที่สวยที่สุดของทะเลสาบทั้งหมดภายในอุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกวแห่งนี้
น้ำที่ใสเหมือนกระจก สะท้อนเงา ไม่ว่าจะเป็นฟ้า เป็นเขา เป็นต้นไม้ ลงไปชัดเจนเหมือนของจริง พวกเราถ่ายรูปกันแล้วถ่ายรูปกันอีก ไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักเบื่อ จนกระทั่งหมดเวลาก็มาขึ้นรถ วิ่งต่อไปยังทะเลสาบนกยูง ท่านทั้งหลายต้องนึกถึงนกยูงรำแพนว่าอลังการเพียงใด ทะเลสาบนกยูงก็คล้ายอย่างนั้น ปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำ เมื่อสะท้อนกับเงาเมฆ ทำให้เราบางทีหลงไปเหมือนกันว่าปลาว่ายอยู่บนฟ้า เป็นต้น
แล้วพวกเราก็ไปต่อที่ทะเลสาบหมีแพนด้า ซึ่งได้ชื่อมาเพราะสมัยก่อนนั้นยังมีหมีแพนด้าลงมาหากินบริเวณนั้น ตั้งแต่มีแผ่นดินไหวที่เมืองเวิ่นชวน มณฑลเสฉวน กระทบกระเทือนมาถึง หมีแพนด้าก็หายไปหมดแล้ว
เมื่อชมความงามของทะเลสาบหมีแพนด้า ถ่ายรูปกันจนเป็นที่พอใจแล้ว พวกเราก็ลอดอุโมงค์ตรงไปยังทะเลสาบไผ่ลูกศร ซึ่งคุณไวนั้นแปลไวยากรณ์แบบจีน กลายเป็น "ลูกไผ่ศร" ทำเอาพวกเราต้องมาทำการสลับตัวอักษรเป็นการใหญ่ กว่าที่จะได้ใจความฟังรู้เรื่อง..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 05:00
|