โดยเฉพาะบรรดาเจ้าอาวาสใหม่ ส่วนใหญ่พอเป็นเจ้าอาวาสแล้ว พฤติกรรมมักจะเปลี่ยนไป คำว่า "เปลี่ยนไป" ในที่นี้ก็คือสำคัญตนว่าใหญ่ กระผม/อาตมภาพเองเจอโยมบางท่านที่รู้จักสนิทสนมกัน มาทักทายตอนบิณฑบาตว่า "หลวงพ่อ..เป็นใหญ่เป็นโตขนาดนี้แล้ว ยังบิณฑบาตเองอีกหรือ ? วัดโน้นเพิ่งจะเป็นเจ้าอาวาส ก็ให้เณรบิณฑบาตให้ฉันแล้ว..!" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบิณฑบาตจนวันสุดท้ายของชีวิต ในเมื่อพ่อใหญ่มีปฏิปทาอย่างไร เราที่เป็นลูก หลาน เหลน ก็ควรที่จะมีปฏิปทาอย่างนั้น"
ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า ถ้าไม่ใช่งานด่วนจนต้องรีบออกจากวัด ถ้าอยู่วัด กระผม/อาตมภาพจะบิณฑบาตทุกครั้ง จะไม่ยอมขี้เกียจให้กิเลสมีอำนาจเหนือตนอย่างเด็ดขาด เนื่องเพราะว่าเข็ด แล้วก็เจ็บปวดกับการที่โดนกิเลสหลอก จนกำลังใจตก กว่าจะเอาคืนได้ บางทีก็หลายเดือน อย่างที่เคยปรารภว่า ภาวนาแล้วกำลังใจทรงตัว รู้สึกเหมือนจะเหาะจะบินได้ กำลังใจเหมือนนางฟ้า เหมือนเทวดา เผลอหน่อยเดียว ตกลงมาเป็นหมาเสียแล้ว..!
ดังนั้น..ในเรื่องที่โบราณาจารย์ท่านวางรูปแบบเอาไว้ คือวางแบบให้เราขัดเกลาตัวเอง บางท่านก็ใช้คำว่า "มีบาตรไม่โปรด มีโบสถ์ไม่ลง มีอาบัติไม่ปลง แล้วจะเป็นสงฆ์ได้อย่างไร ?"
โดยเฉพาะญาติโยมทั้งหลายอยากใส่บาตรพระที่หน้าบ้านตัวเอง ไม่ได้อยากใส่บาตรพระที่วัด..! กระผม/อาตมภาพยังคิดว่า การที่เราทำบุญทุกวันพระในช่วงเข้าพรรษา น่าจะขยายเป็นทำบุญทุกวันพระทั้งปี ต่อให้ไม่มีใคร เราก็ทำกันเอง ถือว่าหยุดกินฟรีสักวันหนึ่ง..! น่าจะเป็นการผ่อนคลายวัตรปฏิบัติได้ด้วย ถ้าญาติโยมไม่เห็นพระไปในวันพระบ่อย ๆ เดี๋ยวเขาก็มาใส่บาตรที่วัดเอง
คำว่ามีโบสถ์ไม่ลง ก็คือไม่ลงสวดมนต์ทำวัตรอย่างหนึ่ง ไม่ลงพระปาฏิโมกข์อีกอย่างหนึ่ง การสวดมนต์ไหว้พระ ความจริงแล้วเป็นการสร้างสมาธิที่ดีมาก หลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม - พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านบอกว่า "จะให้ข้าไปนั่งกรรมฐานเป็นวันเป็นคืนอย่างเอ็ง ข้าทำไม่ได้หรอก แต่ถ้าเรื่องสวดมนต์นี่ ท้าแข่งกันได้เลย..!"
ท่านเองไม่ถนัดในการไปนั่งนิ่ง ๆ แต่ท่านสามารถนั่งสวดมนต์ได้เป็นชั่วโมง ๆ แล้วตลอด ๔ วันที่ผ่านมา ท่านก็นำทำวัตรเช้าทุกวัน บรรดาเจ้าอาวาสใหม่เสียอีก ที่มาช้าบ้าง ขาดบ้าง พอโดนเช็คชื่อ ทำท่าว่าจะไม่ให้ผ่านการอบรม ก็เริ่มมีการงอแง อ้างว่าป่วยบ้าง อ้างว่าไม่มีเสียงระฆังปลุกเหมือนที่วัดบ้าง แล้วแต่คนมันจะอ้าง..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 23-05-2025 เมื่อ 21:26
|