เมื่อทบทวนพระปาฏิโมกข์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็กระผม/อาตมภาพออกมาร่วมฟังโอวาทของพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. เจ้าคณะภาค ๑๔ หรือว่าหลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม เสร็จเรียบร้อยแล้วถึงได้ฉันเช้าร่วมกับบรรดาผู้เข้ารับการอบรมเจ้าอาวาสใหม่ รุ่นที่ ๓/๒๕๖๗ แล้วร่วมกิจกรรมกันต่อไป
ในเรื่องของพระวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น บางอย่างเราก็ต้องชัดเจน เพื่อที่จะต้องช่วยกันรักษาเอาไว้ เพราะว่าพระวินัยนั้นเปรียบเหมือนรากแก้วของพระพุทธศาสนา กระผม/อาตมภาพไปเจอพระภิกษุทางด้านประเทศพม่า ที่บางอย่างท่านไม่มีความเคร่งครัด อย่างเช่นว่าเดินจับมือถือแขนกับผู้หญิงก็ดี เดินโอบไหล่ไปอยู่ภายใต้ร่มคันเดียวกันก็ดี และเป็นสิ่งที่ชาวบ้านญาติโยมไม่ตำหนิติเตียนเสียด้วย..!
เมื่อกระผม/อาตมภาพสอบถาม พระท่านอธิบายว่า เขายึดพระธรรมเป็นหลัก เนื่องเพราะว่าพระธรรมเป็นแก่นของพระพุทธศาสนา ดังนั้น..ในเรื่องของพระวินัย จึงสามารถที่จะผ่อนปรนได้ กระผม/อาตมภาพได้ฟังคำอธิบายแล้ว ก็ได้แต่กลืนน้ำลาย คิดว่า ถ้าหากว่าต้นไม้คือพระพุทธศาสนาของเรามีแต่แก่น แต่หารากไม่ได้ แล้วต้นไม้ต้นนั้นจะยืนอยู่ได้อย่างไร ? แต่ก็ไม่ได้คัดค้านท่าน เพียงแต่ว่าไม่ได้ปฏิบัติตามไปด้วยเท่านั้น
โดยเฉพาะในส่วนของการขึ้นรถเมล์ ขึ้นยานพาหนะต่าง ๆ นั้น กระผม/อาตมภาพโดนผู้หญิงพม่านั่งตักมาแล้ว..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าตอนนั้นกำลังจะเดินทางจากจังหวัดพะยาจี เพื่อที่จะไปยังเมืองไจ๊โท สักการะพระบรมธาตุอินทร์แขวน ไปยืนโบกรถสองแถวอยู่กับครูบาน้อย (อดีตพระนาวิน สจฺจญาโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองบัว จังหวัดจะอีน ประเทศพม่า)
เมื่อเห็นรถสองแถวมา กระผม/อาตมภาพก็โบกเรียก ครูบาน้อยท้วงว่า "ด้านหน้าไม่ว่างนะครับอาจารย์" กระผม/อาตมภาพก็บอกว่า "เราไม่เอาความสบาย เอาความสะดวกดีกว่า มัวแต่รอคันต่อ ๆ ไป เมื่อไรจะไปถึงเมืองไจ๊โทเสียที เรายังต้องเดินขึ้นยอดเขาอีก จะค่ำมืดดึกดื่นเสียก่อน" ครูบาน้อยก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2024 เมื่อ 01:32
|