ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 06-05-2024, 23:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,638 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพจึงใช้ถ้อยคำรุนแรงในกลุ่มไลน์ว่า "เลอะเทอะมาก" เนื่องเพราะว่าการเข้าสมาธิสมาบัติในอาเนญชาสมาธิ คำว่าอาเนญชาสมาธิ คือสมาธิที่ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว คำว่าไม่หวั่นไหวในที่นี้ก็คือ ไม่หวั่นไหวต่อ รัก โลภ โกรธ หลง ที่เข้ามากระทบ

บุคคลที่ทรงตั้งแต่ปฐมฌานละเอียดขึ้นไป รัก โลภ โกรธ หลง ก็ไม่สามารถทำให้หวั่นไหวได้แล้ว แล้วถ้าสามารถทรงถึงฌาน ๔ ได้ ก็ยิ่งมีความมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง จนบุคคลหลายคนที่ทรงฌาน ๔ ได้ใหม่ ๆ หลงเข้าใจผิด คิดว่าตนเองเป็นพระอรหันต์แล้ว เพราะว่า รัก โลภ โกรธ หลง โดนอำนาจของฌานสมาบัติ กดนิ่งสนิทไปเลย แต่เมื่อหลุดออกจากฌานสมาบัติเมื่อไร ก็ รัก โลภ โกรธ หลง เต็มหัวเหมือนเดิม แล้วจะมีประโยชน์อะไรในการคัดเลือกอธิการบดีของมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่ง โดยการให้ไปเข้าสมาธิแข่งกัน ?

เนื่องเพราะว่าถ้าบุคคลที่ทำได้ ทำถึงจริง ๆ ก็ไม่มีใครอยากจะแบกรับภาระ เพราะเห็นว่าแม้แต่ร่างกายนี้ก็ทุกข์เหลือทนแล้ว ต้องพยายามหลีกหนีไปให้พ้น แล้วจะไปเอางานอื่นมาให้ท่านแบก ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ ส่วนบุคคลที่สามารถเข้าโลกียสมาธิได้ ครั้นคลายสมาธิออกมา ก็ รัก โลภ โกรธ หลง เต็มตัวเหมือนเดิม แล้วมีประโยชน์อะไรที่จะไปนั่งเป็นตอไม้แข่งกัน ?

สำหรับท่านที่พูดมา ถ้าไปเจอบุคคลที่ทรงฌานใช้งาน ไม่ว่าจะ ยืน เดิน นั่ง นอน ดื่ม กิน คิด พูด ทำ หกคะเมนตีลังกาอย่างไรก็ทรงฌาน ๔ หรือว่าสมาบัติ ๘ ได้ ด้วยความที่ตนเองไม่รู้และเข้าไม่ถึง ก็จะไปว่าเขาไม่สามารถที่จะทรงสมาธิได้อีก ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่เขากระทำนั้น ลักษณะเหมือนกับน้ำปากบ่อที่ลึกมาก ก็คือน้ำปากบ่อกระเพื่อมไปตามแรงลม หรือสิ่งที่มากระทบ แต่ส่วนลึกลงไปนั้น นิ่งสนิท ไม่มีหวั่นไหว ไม่มีขุ่นมัวไปตามแรงกระทบนั้น ๆ

ท่านที่ไม่เข้าใจก็จะไปว่าท่านทำไม่ได้ แล้วไปตัดสินให้ท่านแพ้อีกต่างหาก..! กระผม/อาตมภาพฟังแล้วก็ "หัวจะปวด" จึงได้ถามว่า ถ้าต้องนั่งสมาธิเป็นหัวตอแข่งกันแบบนั้น แล้วจะได้ประโยชน์อะไร ? ในเมื่อคลายสมาธิออกมาแล้ว ก็ รัก โลภ โกรธ หลง เต็มตัวเหมือนเดิม บุคคลที่จะมาเป็นอธิการบดีนั้น
แค่เป็นบุคคลที่รู้จักละอายชั่ว กลัวบาป ถึงเวลาเว้นจากอคติ ๔ ได้ เข้าใจว่าหน้าที่ของตนมีอะไรบ้าง สามารถกระทำได้ถูกต้องก็เพียงพอแล้ว ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องไปนั่งสมาธิหัวตอแข่งกันแบบนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-05-2024 เมื่อ 01:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา