ตัวกระผม/อาตมภาพเองก็เป็นอย่างนี้ คือ มีอะไรให้จบลงตรงที่ตัวเอง จะไม่ให้สะเทือนไปถึงผู้บังคับบัญชา ไม่ว่าจะเป็นระดับไหนก็ตาม ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ผู้บังคับบัญชาท่านกลับเห็นว่าเป็นผู้มีความสามารถ ดังนั้น..มีตำแหน่งอะไร ท่านก็แต่งตั้งมาอยู่เรื่อย จนกระทั่งปัจจุบันนี้ คนเดียวรับไป ๓๐ กว่าตำแหน่งแล้ว วันนี้ก็ยังมีการปรารภว่า น่าจะได้เลื่อนให้ใหญ่กว่านี้ เพราะว่างานที่กระผม/อาตมภาพทำนั้น ใหญ่กว่าตำแหน่งไปมาก..!
กระผม/อาตมภาพเคยกราบเรียนผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นแล้วว่า ในเรื่องของงานคณะสงฆ์นั้น ต่อให้กระผม/อาตมภาพไม่มียศ ไม่มีตำแหน่งอะไร ก็ยินดีและพร้อมที่จะช่วยเหลือ เนื่องเพราะถือว่าเป็นการเกื้อกูลพระพุทธศาสนา เป็นการแบ่งเบาภาระหลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์ แล้วก็กระทำไปเพื่อฝึกฝนกำลังใจของตนเอง ให้ใกล้มรรคใกล้ผลมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พูดง่าย ๆ ว่าเอางานมาขัดเกลากิเลสในใจของตนเอง ระหว่างทำงานก็ต้องคอยสังเกตว่า มี รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นในใจหรือไม่ ? ถ้าเกิดแล้วเราระงับทันหรือไม่ ? การระงับได้ทันนั้น เร็วช้าเท่าไร ? ดีขึ้นหรือว่าแย่ลง ? เป็นต้น
ในเมื่อเอางานเป็นการขัดเกลากิเลส หลายท่านก็บอกว่า กระผม/อาตมภาพนั้น "บ้างาน" บ้าง "จริงจังกับชีวิตมากเกินไป" บ้าง กระผม/อาตมภาพเห็นว่า ถ้าเราจริงจังเพื่อการหลุดพ้นจากกองทุกข์ไปสู่พระนิพพาน คงไม่มีอะไรที่จะมากเกินไป เนื่องเพราะว่าการไปพระนิพพานนั้น ต่อให้ต้องแลกกันด้วยชีวิตก็สุดแสนที่จะคุ้มค่า..!
แต่เมื่อกราบลาผู้บังคับบัญชามาหลังจากพิธีเปิดแล้ว ก็ต้องมากระทบกับเรื่องในกลุ่มไลน์ เนื่องเพราะว่าในกลุ่มไลน์ผู้ปฏิบัติธรรมนั้น มีบุคคลผู้หนึ่งเข้ามาปรารภถึงความงดงามในการคัดเลือกอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าเป็นการคัดเลือกที่เป็นประชาธิปไตยอย่างยิ่ง ได้บุคคลที่เหมาะสมกับหน้าที่
แล้วก็ปรารภมาถึงมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่ง ก็คือมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ว่าการคัดเลือกอธิการบดีของทั้งสองวิทยาลัยนั้น ควรที่จะมีความโปร่งใสในลักษณะอย่างนี้ ก็คือให้ผู้ที่ลงรับเลือกเป็นอธิการบดี มาทำการเข้าสมาธิแข่งกัน ประมาณว่าต้องมีความคล่องตัวในเรื่องของสมาธิสมาบัติ โดยเฉพาะให้เข้าอาเนญชาสมาธิ สัก ๕ วัน ใครขยับก่อนถือว่าพลาด ให้ผู้ที่ขยับทีหลัง รับตำแหน่งอธิการบดีไป..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-05-2024 เมื่อ 01:50
|