กระผม/อาตมภาพได้รับการสั่งสอนมาจากครูบาอาจารย์บางท่านในมหาวิทยาลัยสงฆ์ว่า ถ้าภิกษุร่วมเพศกับบัณเฑาะว์ซึ่งแปลงเพศแล้ว ไม่ต้องอาบัติปาราชิก เนื่องเพราะว่าไม่ใช่อวัยวะเพศ หากแต่ว่าเป็นเพียงบาดแผลเท่านั้น กระผม/อาตมภาพอยากจะถามเหมือนกันว่า "พระอาจารย์ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ?"
เนื่องเพราะว่าการที่พระองค์ห้ามนั้นก็คือห้ามทั้งมนุษย์ ห้ามทั้งสัตว์ ห้ามทั้งซากศพ ห้ามทั้งบุรุษ เหล่านี้เป็นต้น โดยใช้คำว่า แม้เพียงอวัยวะ คือมรรคจดมรรคเท่านั้น ก็ต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว ก็คือแค่อวัยวะสัมผัสกัน จะมีสิ่งห่อหุ้มหรือไม่ก็ตาม โดนปรับอาบัติไปแล้ว..!
และโดยเฉพาะร่างกายของมนุษย์ ซึ่งท่านระบุเอาไว้ชัดเจนว่า ทางทวารหนักก็คือเวจมรรค ทางทวารเบาก็คือปัสสาวมรรค ถ้าหากว่าเป็นผู้หญิงก็คือช่องคลอด ทางโอฏฐมรรค ก็คือทางปาก ก็แปลว่าไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม ก็โดนอาบัติปาราชิก ขาดความเป็นพระทั้งสิ้น..!
ภายหลังก็มีพระภิกษุท่านไม่รู้ว่าจะไปสัมผัสตรงส่วนไหน เพราะว่าโดนห้ามหมดแล้ว ก็อาศัยบาดแผลบนซากศพ ในการปลดเปลื้องความใคร่ของตนเอง จึงทำให้พระองค์ท่านปรับในฐานะเจตนาทำให้น้ำอสุจิเคลื่อน คือโดนอาบัติสังฆาทิเสส ขาดความเป็นพระชั่วคราว ยังสามารถจะแก้ไขได้ แม้ว่าจะแก้ไขยากสักหน่อย
แต่เราท่านต้องเข้าใจว่า บุคคลผู้เป็นบัณเฑาะว์ ทำการแปลงเพศแล้ว สิ่งที่เขาแปลงเพศก็ต้องเรียกว่าปัสสาวมรรค หรือว่าช่องคลอดเหมือนกัน อนุโลมเป็นสิ่งเดียวกันได้ โดยอาศัยมหาปเทส ๔ ที่ว่า สิ่งที่ไม่สมควร พิจารณาแล้วว่าไม่สมควร สิ่งนั้นย่อมไม่สมควร
ในเมื่อท่านเป็นครูบาอาจารย์แล้ว ยังตีความเข้าข้างตัวเองแบบนี้ โอกาสที่จะพลาด โดนอาบัติหนัก ขาดความเป็นพระก็ย่อมสูงเป็นอย่างยิ่ง..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-05-2024 เมื่อ 02:33
|