คราวนี้หลวงพี่วิรัชของกระผม/อาตมภาพท่านเป็นหมอดูมาก่อน แล้วก็ค่อนข้างจะดูได้แม่นมาก ส่วนที่สำคัญก็คือท่านเก็บลายมือของลูกค้าไว้เป็นพัน ๆ เลย ก็คือใครให้มาทำนายทายทัก ก็ขออนุญาตเจ้าของพิมพ์ลายมือเอาไว้ เพื่อศึกษาให้เกิดความชำนาญยิ่งไปกว่าเดิม
หลวงพี่วิรัชท่านถอดดวงกระผม/อาตมภาพ แล้วก็ฟันธงว่า "วันนั้น เวลานั้นท่านต้องสึกแน่นอน" สันดานของกระผม/อาตมภาพก็คือ "เราก็ชายหมาดมาดว่าชาติเชื้อ ถึงปะเสือก็จะสู้ดูสักหน" ก็เลยถามกลับไปว่า "แล้วถ้าผมไม่สึกล่ะ ?" หลวงพี่วิรัชท่านบอกว่า "ผมยอมเผาตำราทิ้งเลย" สรุปก็คือท่านต้องเผาตำราทิ้ง..!
เพียงแต่ว่าช่วงนั้น กระผม/อาตมภาพเกิดความรู้สึกอยากจะสึกเป็นร้อย ๆ หน แต่ด้วยความรั้นอยากจะเอาชนะ ก็เลยกัดฟันอยู่ต่อมา ต้องการจะเห็นคนจะเผาตำราทิ้งเท่านั้นเอง..! ก็แสดงว่าในเรื่องของสถิติ ช่วงนั้นอาจจะเป็นจุดต่ำสุดในกำลังใจของตนเอง แต่ถ้าหากว่าเรายืนหยัด กัดฟันสู้จนผ่านไปได้ ก็จะดีขึ้นมาเอง
แต่ว่าภายหลังเมื่อมาสร้างสำนักสงฆ์ธรรมยาน แล้วตั้งเป็นวัด ท่านต้องหาเงินเพื่อขยายวัด เพื่อสร้างวัด ท่านจึงขออนุญาตกลับไปใช้วิชาหมอดูอีกครั้งหนึ่ง ปัจจุบันนี้ท่านสร้างวัดเสียจนใหญ่โต คนคำนวณว่าราคาเป็นพันล้าน ก็เกิดจากหมอดูนี่เอง
คราวนี้พวกเราก็จะเห็นได้ว่า ในเรื่องของหมอดู ถ้าว่ากันตามตำราโหราศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นหัตถศาสตร์ คือดูลายมือ มหาทักษา เลข ๗ ตัว พรหมชาติ ก็อยู่ที่ว่าเราศึกษาแล้วมีความชำนาญแค่ไหน แต่ก็สามารถบอกกล่าวได้ไม่เกิน ๖๐ - ๗๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพราะว่าเป็นการประเมินจากสถิติโดยรวม
แต่ว่าในส่วนของทิพจักขุญาณนั้น สามารถบอกได้ถึง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ เพียงแต่ว่าผู้ที่ใช้ทิพจักขุญาณนั้น ถ้ามีความคล่องตัวจริง ๆ จะรู้ว่าพูดได้เท่าไร บอกได้เท่าไร ต่อให้รู้เป็น ๑๐๐ แล้วให้บอกแค่ ๑ แค่ ๒ ก็ต้องทำตามนั้น ไม่อย่างนั้นแล้วจะเกิดโทษกับตัวเอง..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-04-2024 เมื่อ 01:16
|