เรื่องพวกนี้ผู้ที่เป็นพระอุปัชฌาย์จึงควรที่จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง ยกเว้นบางพวกที่เก็บอาการไว้ได้ ก่อนที่จะผ่านการอบรม เมื่อผ่านการอบรมไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นระยะเวลาในการ "เมคมันนี่" ก็คือทำเงินจากการบวช ถ้าพระอุปัชฌาย์ประเภทนี้ก็จะบวชทิ้งบวชขว้าง ไม่ได้สนใจว่าลูกศิษย์ของตนเองจะมีสภาพเช่นไร หรือว่าเป็นบุคคลที่มีข้อห้ามอย่างไรมาบ้าง พูดง่าย ๆ ว่า "ใครมีเงินใส่ซองถวายก็บวชให้ทั้งสิ้น..!"
สิ่งนี้แหละที่ทำให้พระพุทธศาสนาของเราส่วนหนึ่งต้องเศร้าหมองลงไป เนื่องเพราะว่าผู้เป็นพระอุปัชฌาย์อาจารย์นั้น ต้องเป็นตัวอย่างให้แก่ผู้ที่มาบวช จะต้องอบรมสั่งสอนให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นละอายชั่วกลัวบาป รักศีลของตน มีสมณสารูปที่น่าเลื่อมใส ช่วยกันยังพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป ไม่ใช่มาอาศัยพระพุทธศาสนาหากิน
ดังนั้น..เรื่องนี้ท่านทั้งหลายสามารถที่จะติดตามจากข่าวคราวต่าง ๆ ว่าบุคคลผู้นั้นสามารถที่จะบวชได้หรือไม่ ? แล้วผู้ใดกันที่จะยอมเป็นเป้ากระสุนตก ทำตัวเป็นพระอุปัชฌาย์ให้ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เราก็จะสามารถที่จะเห็นได้ในระยะเวลาอันสั้น หรือไม่ก็บุคคลผู้นั้นก็แค่เพียงโพสต์ลงโซเชียล ในลักษณะเรียกร้องขอความเห็นใจเท่านั้น ถ้าลักษณะอย่างนั้นก็อาจะจะเจอ "ทัวร์ลง" ชนิดที่รุมถล่มยับเยินไปอีกรอบหนึ่งเป็นแน่
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-04-2024 เมื่อ 02:01
|