ในเรื่องไผ่แดง ซึ่งหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมชได้เขียนเอาไว้นั้น ในงานบวชปรากฏว่ามีผู้ร้องคัดค้านขึ้นมาว่า "บุคคลที่เข้าบวชนั้นไม่บริสุทธิ์ ไม่สามารถที่จะบวชได้" สรุปว่าเป็นหนี้ร้านค้าอยู่ แล้วบรรดาผู้ร่วมงานก็พากันด่าเจ้าของร้านค้าอย่างสาดเสียเทเสีย ในลักษณะว่าเป็นมารมาขัดขวางงานบวช แล้วสอบถามว่าหนี้สินเท่าไร ? จากนั้นก็ช่วยกันเรี่ยไรกันใช้หนี้ร้านค้าไป
เมื่อทางเจ้าของร้านรับมาเรียบร้อยแล้ว ก็ใส่ซองอนุโมทนา ขอร่วมเป็นเจ้าภาพบวชด้วย บอกว่าอยากให้นาคบวชโดยบริสุทธิ์จริง ๆ ซึ่งเรื่องนี้ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ หักมุมชนิดเอวเคล็ด ทำให้บุคคลมีอารมณ์ร่วม แทบจะด่าเจ้าของร้านจมดินไปแล้ว..!
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ในเรื่องของการบวชพระจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อย่างชนิดที่ว่าอยากจะบวชเมื่อไรก็บวช กระผม/อาตมภาพก็รอดูอยู่ว่า พระอุปัชฌาย์อาจารย์จะแนะนำให้ว่ามีผู้รับสภาพหนี้นั้นแทนหรือเปล่า ? เกรงอยู่อย่างเดียวว่า ถ้ามีผู้รับสภาพหนี้แทน ฝ่ายที่ไปบวชอาจจะสึกหาลาเพศออกมาแล้ว ไม่รับรู้ในหนี้สินส่วนนั้น โดยอ้างว่าบุคคลนั้นรับสภาพหนี้แทนไปตั้งแต่ก่อนบวชแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เป็นเรื่องเป็นราว เป็นข่าวกันขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ พระพุทธศาสนาของเรานั้น อันดับแรกเลยก็คือ ไม่ต้องการให้บุคคลที่เจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคติดต่อน่ารังเกียจ เข้ามาบวชกันเป็นจำนวนมาก เพราะว่าจะทำให้คนที่เห็นนั้นเกลียดและกลัว ตลอดจนกระทั่งไม่กล้าเข้าใกล้ อาจจะมองว่าพระพุทธศาสนาเป็นแหล่งรวมคนป่วย หรือแหล่งแพร่เชื้อโรคระบาดชั้นดี
ไม่ต้องการให้บุคคลที่หนีหนี้มาบวช ไม่ต้องการให้ข้าราชการหนีมาบวช เหล่านี้เป็นต้น แม้กระทั่งบุคคลกึ่งราชการ อย่างเช่นผู้ที่ทำงานในการไฟฟ้า การประปา ไปรษณีย์ การรถไฟ เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งเรียกกันว่ารัฐวิสาหกิจ เป็นส่วนของกึ่งราชการ ก็ยังต้องให้บรรดาผู้บังคับบัญชาทำหนังสือยินยอมให้บวชเสียก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วพระอุปัชฌาย์อาจารย์อาจจะโดนฟ้องร้อง โดยเฉพาะพระอุปัชฌาย์อาจจะมีโทษถึงขนาดโดนถอดถอนจากความเป็นพระอุปัชฌาย์ไปเลยก็ได้..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-04-2024 เมื่อ 01:59
|