เมื่อพวกเราลงมาได้จำนวนพอแล้ว ก็มีการไปซื้อตั๋วรถราง แล้วนั่งลงมารอทางร้านค้าด้านล่าง รอจนคณะของเรามาครบถ้วนแล้ว จึงได้ขึ้นกระเช้ากลับลงมาที่พื้นอีกทีหนึ่ง ครั้นมาระดมพลกันเรียบร้อย นับยอดแล้วว่าไม่ได้หายไปไหน นอกจากมีผู้โชคดี ก็คือ "หญิงชุ" ของเรา (นาวาอากาศเอกหญิงชุถิรา ฟองชล) คุณเธอไม่ทราบว่าเดินหลงไปทางไหน แทนที่จะเดินมาขึ้นรถราง ก็เลยเดินลงมาขึ้นกระเช้าแทน..! นับว่าได้แสดงสมรรถภาพร่างกายในตอนแก่นี่เอง จากนั้นพวกเราก็ต้องผ่านการตรวจตั๋ว เพื่อมานั่งรถรางกลับมาสู่อาคารซันพลาซ่าตามเดิม
ครั้นเมื่อผ่านอุโมงค์แล้ว ถึงได้เห็นว่าต้องผ่านถึงสองช่วงด้วยกัน ขาขึ้นกระผม/อาตมภาพไม่ได้เห็นอะไรเลย เนื่องเพราะว่าอยู่ท้ายรถ แต่ขาลงจุดที่คิดว่าเป็นท้ายรถกลับกลายเป็นหัวรถ เนื่องเพราะว่าพลขับเดินดุ่ย ๆ มาถึง ก็เปิดประตูเข้าไป ไขกุญแจแล้วก็บังคับรถให้วิ่งย้อนกลับแบบหน้าตาเฉย..!
เมื่อพวกเราลงมาถึงสถานีซันพลาซ่าเรียบร้อยแล้ว ก็แบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งที่ไม่กินอาหารเย็น ซึ่งมีถึง ๑๖ คน ได้ติดตามกระผม/อาตมภาพนั่งรถรางกลับมายังโรงแรม Sapa Charm Hotel เพื่อเข้าสู่ที่พักเลย อีกส่วนหนึ่งก็ไปกินอาหารเย็นตามที่ทางเติมเต็มทราเวลจัดเอาไว้ให้
กระผม/อาตมภาพเมื่อมาถึงห้อง ก็รีบแช่น้ำร้อนไล่ความหนาวเสียก่อน หลังจากนั้นแล้วถึงได้มาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ฟังอยู่ในขณะนี้
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-03-2024 เมื่อ 01:40
|