ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 02-03-2024, 01:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,637 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

รถบัสของพวกเราออกเดินทางตอน ๘ โมง ๔๐ นาที เพื่อมุ่งตรงไปยังเมืองซาปา ทางเวียดนามเหนือ ต้องขึ้นทางด่วนซึ่งเพิ่งจะสร้างเสร็จก่อนเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาดแค่ ๒ ปีเท่านั้น แล้วแทบจะไม่มีใครใช้งาน เนื่องเพราะว่าช่วงที่โควิดระบาด ก็ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามายังประเทศเวียดนาม เพิ่งจะมาใช้งานได้เมื่อปีกว่าที่ผ่านมานี่เอง พวกเราจึงได้ลองของใหม่ รถยนต์ทางด้านประเทศเวียดนามวิ่งชิดขวา แซงซ้าย เช่นเดียวกับประเทศที่เคยเป็นเมืองขึ้นของยุโรปมาก่อน

แม้ว่าระยะทางจะวิ่งหลายชั่วโมงก็ตาม แต่ว่าทางอาหลันก็มีลูกเล่นสนุก ๆ มาเล่าให้พวกเราได้ฟังไปตลอดทาง โดยที่กระผม/อาตมภาพซึ่งดูฟ้าดูดินไปตลอดทาง รู้สึกทึ่งตรงที่ว่าทางด้านประเทศเวียดนามนี้ มีการสร้างสุสานให้แก่บุคคลที่ล่วงลับไปแล้วอยู่ในที่ดินที่นาของตนเอง ตรงไหนที่เป็นหมู่บ้าน หรือว่าตระกูลใหญ่ ก็มีสุสานเรียงรายกันหลายสิบหลัง จนกระผม/อาตมภาพเรียกว่า "เมืองผี" ส่วนบางที่ตระกูลเล็ก หรือว่าเพิ่งมีคนตายไม่กี่คน ก็มีสุสานหลังเดียวบ้าง สองหลังบ้าง เป็นระยะไป

ประเทศเวียดนามนั้นปลูกข้าวมากที่สุด โดยเฉพาะเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่ว่าพื้นที่สำหรับปลูกข้าวนั้นกลับมีน้อยจนเหลือเชื่อ เพราะว่าพื้นที่ ๑ ใน ๓ ของประเทศนั้นเป็นภูเขาและแม่น้ำ ส่วนแหล่งน้ำต่าง ๆ ที่เห็นนั้น บางทีไม่ใช่บึง ไม่ใช่บ่อทั่ว ๆ ไป หากแต่ว่าเป็นหลุมที่เกิดจากการโดนทิ้งระเบิดยามสงคราม..! แล้วเมื่อสงครามจบสิ้นลงแล้ว บริเวณนั้นมีน้ำขัง ก็กลายเป็นบ่อหรือสระน้ำไปโดยปริยายนั่นเอง

พวกเราใช้เวลาเดินทางมาจนถึงเมืองหล่าวกาย ซึ่งกระผม/อาตมภาพเรียกง่าย ๆ ว่า "เมืองเล้าไก่" เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน โดยจอดแวะพักเข้าห้องน้ำกันครั้งเดียวเท่านั้น การเข้าห้องน้ำที่ประเทศเวียดนามนี้ เราต้องจ่ายทีละ ๓,๐๐๐ ด่อง ทำเอาสะดุ้งสุดตัวไปเหมือนกัน แต่พอเรามาคิดถึงว่ายังไม่ถึง ๕ บาทดีก็แล้วไปเถอะ..! โดยมีอาหลันเป็นผู้ "เลี้ยงฉี่" จ่ายให้กับทุกคน..!

เมื่อกลับขึ้นรถมา วิ่งต่อไปเริ่มใกล้เขตเมืองหล่าวกาย อากาศก็ลดลงเหลือแค่ ๙ องศาเซลเซียสเท่านั้น พวกเราเลี้ยวขวาตรงข้ามกับทางไปเมืองซาปา เมื่อเข้าสู่ตัวเมืองเมืองหล่าวกายแล้ว ก็ตรงไปภัตตาคารชื่อว่าเลอบอร์โดซ์ เหตุที่มีชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศส ก็เพราะว่าชาวเวียดนามของเรานั้น เป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสอยู่เป็นร้อยปีเหมือนกัน

เมื่อรับประทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อย พวกเราออกเดินทางออกจากภัตตาคาร ตรงไปยังยอดเขา เพื่อที่จะไปชมสะพานแก้วมังกรเมฆ ปรากฏว่ายิ่งขึ้นก็ยิ่งสูง หมอกลงหนักมากแทบมองทางไม่เห็น และถนนหนทางบางช่วงก็มีหินถล่มอยู่ โดยเฉพาะสิ่งที่อันตรายมากก็คือ มีหินถล่มลงมายังไม่พอ แต่ว่าไม่มีสัญญาณอะไรที่ชัดเจนเลย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็เลยทำให้รถต้องระวังกันเองจนไปได้ช้ามาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-03-2024 เมื่อ 01:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา